Page 192 - 21736_Fulltext
P. 192
171
4.2 คู่กรณีควรเป็นอย่างไร (เช่น เป้าหมายร่วมกัน การเคารพมุมมองอีกฝ่าย อำนาจ)
น.ส.ภาวิณี: ให้คู่กรณีเลือกระหว่างเข้าห้องปกครอง หรือ จะเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ย
เคารพกฎในระหว่างการไกล่เกลี่ย มีข้อตกลงร่วมกันโดยการสมัครใจ
นายกฤษฎา: การเปิดใจของคู่กรณีในระหว่างการไกล่เกลี่ย
นายวีรภัทร: ต้องมีความรับผิดชอบ มีความเข้าใจตัวเองและคู่กรณี เห็นใจเขาใจเรา
เด็กชายสุนัย: เชื่อฟังคนกลาง
อาจารย์ศุภณัฐ: คนกลางควรรู้จุดอ่อนจุดแข็งของคู่กรณี และสร้างความมั่นใจให้ทั้ง 2
ฝ่าย เมื่อปัญหาจบลงจะไม่สร้างปัญหาใหม่อีกในอนาคต
อาจารย์ชาญณรงค์: ไม่สามารถเลือกคู่กรณีได้ ปรับทัศนคติของคู่กรณี คู่กรณีควร
เชื่อมั่นในกระบวนการไกล่เกลี่ย
4.3 การสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจควรมีหรือไม่ อย่างไร
นายสุรเศรษฐ์: คู่กรณีไม่นำเรื่องไปเผยแพร่ภายหลังการไกล่เกลี่ย เข้าใจกัน ตกลงกันได้
เป็นเพื่อนกันได้
นายวีรภัทร: ถ้าคู่กรณีเป็นเพื่อนสนิทหรือเป็นพี่น้องกัน มีส่วนช่วยให้การไกล่เกลี่ยสำเร็จ
ได้ง่ายขึ้น ถ้าไม่รู้จักกันเลย ควรมีกระบวนการในการสร้างความสัมพันธ์ สร้างจุดร่วมให้คู่กรณี ให้
ความรู้สึกเหมือนเพื่อนคุยกัน ไม่ใช่ศัตรูคุยกัน
เด็กชายสุนัย: คู่กรณีกับคู่ไกล่เกลี่ยควรมีความสัมพันธ์กัน เพื่อสร้างความไว้วางใจ
น.ส.ภาวิณี: คู่กรณีควรมีความไว้วางใจผู้ไกล่เกลี่ย ไม่มีความสัมพันธ์กับคนกลาง
เนื่องจากอาจเกิดการไม่ไว้วางใจ
นายกฤษฎา: ไว้วางใจคนกลาง และกระบวนการเพื่อนำไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน
อาจารย์ศุภณัฐ: มีสังคหวัตถุ 4 (ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตตา) เพื่อสร้างความ
เข้าใจ ทาน-ให้ใจ ให้ความมั่นใจว่าสามารถไกล่เกลี่ยได้ ปิยวาจา- พูดดี ใช้วาจาเหมาะสม อัตถจริยา-
อ่อนน้อมถ่อมตน หาจุดร่วม (ลูกอัจฉราลัย – ลูกนางฟ้า)
อาจารย์ชาญณรงค์: สร้างความสัมพันธ์ระหว่างคู่กรณีหลังจากการไกล่เกลี่ย สร้างความ
ไว้วางใจผู้ไกล่เกลี่ย
4.4 บริบทสภาพแวดล้อมควรเป็นอย่างไร? (เช่น กฎกติกา ระบบความเชื่อเดียวกัน
ระบบเครือญาติ เป็นต้น)
เด็กชายสุนัย: เข้าใจกฎกติกาของโรงเรียน
นายสุรเศรษฐ์: คู่กรณีเชื่อใจผู้ไกล่เกลี่ย
นายวีรภัทร: ระบบเพื่อนเป็นบริบทที่สำคัญเพื่อทำให้การไกล่เกลี่ยง่ายขึ้น