Page 137 - 22373_Fulltext
P. 137

4) ด้วยรัฐมีนโยบายไม่ให้สถานศึกษาของ สพฐ. เปิดรับเด็กปฐมวัยอายุสามขวบ หากในพื้นที่มี

                สถานศึกษาในสังกัดอื่น ๆ อยู่ภายใน 6 กิโลเมตร แต่ในกรณีของพื้นที่เขตเทศบาลกลับพบว่ามีโรงเรียนของ
                สพฐ.เปิดการเรียนการสอนดังกล่าว แม้ว่าจะไม่มีความพร้อม ด้วยความจ้าเป็นด้านงบประมาณ โดยได้ขอรับ

                การสนับสนุนจากผู้ปกครองให้น้าบุตรหลานเข้าเรียน ประกอบกับผู้ปกครองเห็นว่าเป็นข้อดีที่ไม่ต้อง “ไปส่งพี่
                ส่งน้องแยก” ทั้งในระดับอนุบาลและประถมศึกษา  ในขณะที่เทศบาลมีเพียงโรงเรียนอนุบาล ท้าให้สถานศึกษา
                ในเขตเทศบาลมีคุณภาพเหลื่อมล้้ากันและส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กที่แตกต่างกัน


                          5) เทศบาลให้ความส้าคัญกับเด็กที่มีอายุ 2-5 ปี ในขณะเดียวกันก็ให้ความส้าคัญกับผู้ปกครอง
                ซึ่งเกี่ยวข้องกับรายได้ต่อหัวที่สะท้อนถึงคุณภาพการให้การศึกษา แม้ว่าในเขตเทศบาลเด็กและเยาวชนจะมี
                โอกาสที่จะได้รับการศึกษาเกือบทั้งหมด ยกเว้นเด็กบางคนอันเนื่องมาจากความพิการซึ่งมีเป็นส่วนน้อยมาก

                ไม่ถึงร้อยละ 3 ประกอบกับมีสถานศึกษาของเทศบาล ซึ่งเทศบาลดูแลให้เกิดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา
                แต่สิ่งที่เทศบาลเป็นห่วงและให้ความส้าคัญ ได้แก่ เรื่องคุณภาพ ด้วยในขณะที่เทศบาลได้ยกระดับศูนย์พัฒนา
                เด็กเล็กให้เป็นโรงเรียนอนุบาล โดยในปัจจุบันมีสามแห่ง ได้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่รับเฉพาะเด็กอายุสองขวบ

                2 แห่ง และโรงเรียนอนุบาลที่ยกระดับขึ้นมาเป็น 1-3  โดยครูผู้สอนมีทักษะโดยตรงในการสอนเด็กชั้นประถม
                วัย ในขณะที่สถานศึกษาอื่น ๆ ในเขตเทศบาลมีครูแตกต่างกัน มีทักษะแตกต่างกัน เช่น โรงเรียนเอกชนในเขต
                เทศบาลซึ่งมีอยู่จ้านวน 3 โรงเรียนหลัก ๆ ซึ่งทั้งสามโรงเรียน ครูมีคุณวุฒิแตกต่างกัน อาทิ บางคนสอนเด็ก

                ประถมปลาย หรือครูมีจ้านวนน้อยเมื่อเทียบกับจ้านวนเด็ก

                          ดังนั้นเทศบาลจึงก้าลังหาวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเน้นการแก้ปัญหาที่กลุ่มใด
                จะด้าเนินการกับตัวเด็ก ผู้ปกครอง หรือกลุ่มครู ด้วยครูผู้สอนอยู่กระจัดกระจายมีจ้านวนกว่า 800 คน ซึ่งหาก

                เน้นที่ผู้ปกครอง เทศบาลเห็นว่าท้าได้ยาก ด้วยเพราะผู้ปกครองส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง จึงสนใจที่จะพัฒนา
                ที่ตัวครู โดยเน้นไปที่คุณภาพของครู เนื่องด้วยเทศบาลยังไม่เคยด้าเนินการในส่วนนี้ ประกอบกับเห็นว่า

                คุณภาพของครูจะส่งผลต่อการพัฒนาของเด็ก ซึ่งน่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม

                          6) เทศบาลมีนโยบายที่จะไม่รับเด็กเข้าเรียนเพิ่มในสถานศึกษาของเทศบาล โดยสามารถรับได้
                เพียง 75 คน ด้วยข้อจ้ากัดในการดูแลและต้องการเน้นที่คุณภาพ ในขณะที่ผู้ปกครองต้องการให้เรียนกับ
                โรงเรียนเทศบาล ในขณะที่โรงเรียนของเทศบาลไม่สามารถรองรับได้ทั้งหมด อีกทั้งในเขตเทศบาลมีโรงเรียน

                อื่น ๆ อีกจ้านวนมาก ดังนั้นเทศบาลจึงเห็นว่า ควรให้ครูแต่ละโรงเรียนในเขตเทศบาลไม่ว่าจะสังกัดใด
                มีคุณภาพเท่าเทียมกัน เพื่อให้เด็กที่จบการศึกษาออกมา มีความรู้เท่าเทียมกันไม่แตกต่าง “ท าให้คุณภาพ
                มันกระจายออกไป” เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถน้าบุตรหลานเข้าเรียนได้โดยไม่จ้าเป็นต้องเลือกโรงเรียน                 การวิจัยขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นกลไกลดความเหลื่อมล ้าทางด้านการศึกษา



                3.5 เทศบาลเมืองบางกะดี จังหวัดปทุมธานี

                       ส้าหรับเทศบาลเมืองบางกะดี ซึ่งดูแลต้าบลบางกะดี อ้าเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานีทั้งต้าบล

                จากการศึกษาบริบทด้านจ้านวนนักเรียนในพื้นที่ สภาพปัญหาความเหลื่อมล้้าทางการศึกษาจากฐานข้อมูล
                ความเสมอภาคทางการศึกษา กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ฐานข้อมูลผลการทดสอบทาง
                การศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานรายโรงเรียน (O-NET) และจากการสะท้อนสภาพปัญหาขององค์กรปกครอง

                ส่วนท้องถิ่นเช่นเดียวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ ผู้วิจัยสามารถสรุปบริบทด้านจ้านวนนักเรียนในพื้นที่
                และสภาพปัญหาความเหลื่อมล้้าทางการศึกษาในพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลเมืองบางกะดีได้ดังต่อไปนี้





                                                               วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า   113
   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141   142