Page 92 - b29259_Fulltext
P. 92

ก็จะถูกถอดถอนโดยสภาสามัญและสภาขุนนางเป็นผู้พิจารณาสอบสวน

        และกลายมาเป็นหลักการตรวจสอบการทำางานของรัฐบาลในเวลาต่อมา
        โดยก่อนหน้านี้ทำาหน้าที่สร้างหลักประกันว่ากษัตริย์จะได้รับฎีกา
        ข้อร้องเรียนต่าง ๆ จากประชาชน จากนั้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 15

        สภาสามัญก็มีหน้าที่ในการตรากฎหมาย

               ในช่วงระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16 ถึง 18 เป็นช่วงเวลาที่รัฐสภา

        เริ่มเข้มแข็งขึ้นในช่วงราชวงศ์ทิวดอร์ เพราะรัฐสภาช่วยสนับสนุนกษัตริย์
        ในการระดมทุนและทรัพยากรในการต่อสู้ทั้งด้านศาสนาและการเมือง

        แต่ในยุคพระเจ้าเจมส์ที่หนึ่งและพระเจ้าชาร์ลส์ที่หนึ่งมีความขัดแย้งระหว่าง
        รัฐสภากับกษัตริย์อยู่เสมอ โดยเฉพาะความขัดแย้งในรัชสมัยพระเจ้าชาร์ลส์
        ซึ่งทำาให้เกิดสงครามกลางเมืองจนเกิดการล้มล้างระบอบกษัตริย์และ

        ล้มล้างสภาขุนนาง หันไปเป็นสาธารณรัฐอยู่ระยะหนึ่ง โดยโอลิเวอร์ ครอมเวล
        (Oliver Cromwell) เป็นผู้สำาเร็จราชการแผ่นดิน (Lord Protector of

        England หรือผู้พิทักษ์แห่งอังกฤษ) แทนกษัตริย์ระหว่าง พ.ศ. 2194-2201
        (ค.ศ. 1651-1658) เมื่อครอมเวลเสียชีวิตนั้น ริชาร์ด ครอมเวล (Richard
        Cromwell) เป็นผู้สืบทอด แต่ฝ่ายนิยมกษัตริย์ได้รื้อฟื้นระบอบกษัตริย์ขึ้นมา

        อีกครั้งโดยเชิญให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่สองครองราชย์ พ.ศ. 2203 (ค.ศ. 1660)
        เป็นการกลับคืนสู่ระบอบกษัตริย์อีกครั้งหนึ่ง โดยที่พระราชอำานาจยังคง

        ถูกจำากัดแต่ปัญหามาปรากฏในรัชสมัยของพระเจ้าเจมส์ที่สองที่ทรง
        ต้องการเงินจำานวนมหาศาลเพื่อสร้างกองทัพประจำาการ แต่ถูกปฏิเสธโดย
        รัฐสภา ทำาให้พระเจ้าเจมส์ที่สองใช้พระราชอำานาจยับยั้งร่างกฎหมายของ

        รัฐสภาหลายฉบับ จนเกิดความขัดแย้งอย่างไม่สามารถประนีประนอมได้





     92
   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97