Page 148 - kpiebook62001
P. 148

(3) ข้อค้นพบจากกรณีศึกษา

                       การส ารวจกรณีศึกษาการด าเนินนโยบายสวัสดิการแบบเจาะจงที่คนจนในประเทศก าลังพัฒนาสามประเทศ

               ประกอบด้วย อินโดนีเซีย อินเดีย และจีน แสดงให้เห็นภาพที่กว้างขึ้นของการเลือกใช้สวัสดิการแบบเจาะจงที่คนจนว่า

               จะต้องเผชิญความท้าทายพื้นฐานใดบ้าง และจะมีหนทางก้าวข้ามความท้าทายเหล่านั้นอย่างไร การส ารวจพบความท้า
               ทายในอย่างน้อยสามแง่มุม ประกอบด้วย การสร้างฐานข้อมูล การออกแบบและบริหาร และท้ายที่สุดคือการรั่วไหลของ

               ทรัพยากร

                       ประการแรก ความท้าทายในการสร้างฐานข้อมูลเป็นแง่มุมประเทศที่เป็นกรณีศึกษาทั้งสามประเทศประสบ
               คล้ายกัน ประเทศเช่นอินโดนีเซียและอินเดียต่างก็พยายามสร้างฐานข้อมูลความยากจนเพื่อเป็นฐานให้กับการด าเนิน

               นโยบายสวัสดิการแบบเจาะจง แต่ก็พบว่าฐานข้อมูลที่สร้างขึ้นนั้นมักจะไม่ได้ละเอียดเพียงพอ มากไปกว่านั้น ข้อมูลที่

               เก็บก็ยังมักจะไม่สมบูรณ์เพราะกระบวนการส ารวจยังมีข้อบกพร่องหรือล่าช้า ส าหรับประเทศเช่นจีนนั้นแม้เลือกใช้
               ข้อมูลเพียงระดับพื้นที่ในการเจาะจง ก็ยังเผชิญปัญหาว่าการเลือกเจาะจงตามพื้นที่ที่ยากจนก็มาพร้อมข้อจ ากัดในการ

               เข้าถึงคนยากจนได้ครบถ้วน ความท้าทายที่ยากขึ้นไปอีกขึ้นหนึ่งก็คือการพัฒนาฐานข้อมูลให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงใน

               สถานะทางเศรษฐกิจของคนยากจน ซึ่งต้องอาศัยการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ความท้าทายเหล่านี้แม้จะแก้ไขได้ด้วยการ
               ลงทุนกับการพัฒนาฐานข้อมูลมากขึ้น แต่การท าเช่นนั้นก็หมายถึงการเพิ่มต้นทุนให้กับนโยบายเช่นกัน

                       ประการที่สอง การออกแบบและบริหารนโยบายให้ได้ผลตามเป้าหมาย แม้แต่เป้าหมายพื้นฐานเช่นการกระจาย

               ประโยชน์ให้ถึงคนจน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ในกรณีศึกษาทั้งสามกรณีจะพบว่าการบริหารงานสวัสดิการแบบเจาะจง
               มักจะเผชิญกับความหลากหลายแตกต่างในแต่ละพื้นที่ ตัวอย่างเช่น สภาวะความยากจนของบริบทที่แตกต่างกันอย่าง

               เมืองและชนบท ความแตกต่างเหล่านี้ท าให้นโยบายควรถูกปรับเปลี่ยนรายละเอียดไปตามพื้นที่และกลุ่มคนได้บ้าง

               อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่าการท าเช่นนั้นก็อาจน าไปสู่การเพิ่มต้นทุนการบริหารโครงการ นอกจากนี้ ปัญหาส าคัญอีก
               ประการก็คือการที่ผู้ด าเนินนโยบายอาจน าเอาเป้าหมายอื่น ๆ เข้ามาผสมกับการกระจายสวัสดิการให้คนจน

               ตัวอย่างเช่น มุ่งไปที่การสร้างผลตอบแทนจากเงินกองทุนที่ช่วยเหลือคนยากจน หรือกระจายผลประโยชน์ไปที่คน

               จ านวนมากโดยไม่ได้มุ่งหาคนยากจนที่สุด ความท้าทายในลักษณะนี้อาจแก้ไขได้ด้วยการก ากับดูแลการบริหารนโยบายที่
               เข้มข้นขึ้น

                       ประการสุดท้าย คือปัญหาทรัพยากรรั่วไหล กรณีศึกษาของอินเดียและอินโดนีเซียชี้ให้เห็นว่านโยบายสวัสดิการ

               แบบเจาะจงนั้นต้องเผชิญความเสี่ยงต่อปัญหาคอร์รัปชันจากผู้ด าเนินนโยบายหลายประการ เช่น การติดสินบน
               เจ้าหน้าที่ การแสวงหาประโยชน์จากเงินช่วยเหลือคนจน ในขณะที่กรณีศึกษาของจีนแสดงให้เห็นว่าการเลือกพื้นที่

               ยากจนนั้นอาจถูกแทรกแซงด้วยอิทธิพลทางการเมืองได้ ซึ่งอาจนับได้เป็นบิดเบือนเป้าหมายนโยบายเพื่อตอบเป้าหมาย

               ทางการเมือง  จะเห็นได้ว่าปัญหาเหล่านี้ล้วนแต่เกิดขึ้นเพราะว่ากระบวนการเจาะจงนั้นมาพร้อมกับอ านาจในการ
               จัดสรรประโยชน์ อาจกล่าวได้ว่ากระบวนการนี้มีค่าเช่าทางเศรษฐกิจที่เปิดทางให้เกิดการคอร์รัปชันได้เสมอ ไม่ว่าจะใน






                                                               139
   143   144   145   146   147   148   149   150   151   152   153