Page 245 - kpiebook62016
P. 245

228







                       ผู้น าทหารเองเป็นแกนน าในการปฏิรูปกองทัพและถอนบทบาททางการเมืองของทหารออกมา 3) ผู้น า
                       พลเรือนได้รับความชอบธรรมและเสียงสนับสนุนจากประชาชนมากพอที่จะลดบทบาทของกองทัพลงที

                       ละเล็กละน้อย ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นภายหลังความนิยมในกองทัพลดลงจากการบริหารประเทศผิดพลาด


                              ประสบการณ์จากเกาหลีชี้ว่า ความพยายามท าให้กองทัพเล็กลง เริ่มจากสมัยของ

                       ประธานาธิบดีโรห์ แท-วู ซึ่งโยกย้ายนายทหารที่มีความใกล้ชิดกับอดีตประธานาธิบดีชุน ดู-ฮวาน ออก
                       จากต าแหน่งยุทธศาสตร์คุมก าลัง รวมถึงด าเนินคดีทุจริตกับกลุ่มนายทหารผู้ใกล้ชิดกับอดีต

                       ประธานาธิบดีชุน ดู-ฮวาน และลดขนาดและภารกิจในการสอดแนมภายในประเทศของกองบัญชาการ

                       รักษาความมั่นคงลง


                              การวางบทบาทของกองทัพอินโดนีเซียในอดีต มีลักษณะส าคัญที่แตกต่างจากบทบาทของ

                       กองทัพในประเทศอื่น กล่าวคือ กองทัพอินโดนีเซียมิได้ถูกคาดหวังให้ปฏิบัติหน้าที่ด้านความมั่นคงของ

                       ประเทศเพียงเท่านั้น หากแต่กองทัพยังถูกคาดหวังให้เป็นผู้รักษาความมั่นคงของรัฐบาลด้วย ที่เรียกว่า
                       “หลักทวิภาระ” (Dwifungsi  –  Dual  Function) บทบาทที่มากมายของกองทัพอินโดนีเซีย ส่งผลให้

                       กองทัพกลายเป็นเครือข่ายผลประโยชน์และระบบอุปถัมภ์ขนาดใหญ่ เปลี่ยนให้กองทัพกลายเป็น

                       แหล่งของการทุจริตคอรัปชั่น จุดเปลี่ยนในการวางบทบาทกองทัพอินโดนีเซียเกิดขึ้นภายใต้การน าของ

                       ผู้น าทหาร 2 นายคือ พลเรือเอกวิดโจโจ ซุทจิปโต (Widjojo Sutjipto) ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพลเอก
                       วิรันโต  (General Wiranto) นายทหารสายปฎิรูป พลเรือเอกวิโจโจได้ประกาศว่ากองทัพยอมรับใน

                       หลักการควบคุมของพลเรือนเหนือทหาร (Civilian  supremacy) และขอยุติบทบาทในด้านสังคมและ

                       การเมืองของทหารภายใต้การน าของตน ถือเป็นจุดจบของหลักทวิภาระที่กองทัพอินโดนีเซียยึดถือมา

                       เป็นเวลานาน ต่อจากนั้นมีการลดอ านาจของกองทัพทั้งในกลไกของรัฐบาลและในฝ่ายนิติบัญญัติลง
                       อย่างรวดเร็ว โดยที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการจัดสรรให้กับกองทัพถูกปรับลดลงมาเหลือ 38 ที่

                       นั่ง และมีการจัดสรรที่นั่งร้อยละ 10 ของวุฒิสภาให้แก่กองทัพ เมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สมาชิก

                       สภาทั้งหมดต้องมาจากการเลือกตั้ง ถึงแม้จะสร้างความไม่พอใจในหมู่นายทหาร แต่กองทัพก็เลือกที่

                       จะไม่ต่อต้านมตินี้


                              ชิลีเป็นประเทศที่อยู่ภายใต้รัฐบาลเผด็จการทหารอย่างยาวนาน ดังนั้น จึงไม่แปลกที่มีการ
                       แต่งตั้งนายทหารจ านวนมากเข้าสู่ระบบราชการ รวมถึงในกรรมการบริหารธุรกิจภาครัฐและ

                       รัฐวิสาหกิจ แต่ชิลีมีการจัดระบบการโอนย้ายอย่างเด็ดขาดโดยไม่ให้นายทหารด ารงต าแหน่งอื่นควบคู่
   240   241   242   243   244   245   246   247   248   249   250