Page 260 - kpiebook62016
P. 260

243







                       สมัยใหม่ ฉะนั้น อุดมการณ์หลักของรัฐลักษณะนี้จึงถูกก ากับโดยการตอกย ้าศาสนา คุณธรรม
                       ชาตินิยม ซึ่งเป็นพลังที่ส่งผลให้เกิดการออกจากประชาธิปไตย (De-democratizing forces) มากกว่า

                                                   484
                       จะเป็นพลังส่งเสริมประชาธิปไตย

                              ในประเทศที่การชุมนุมเคลื่อนไหวของประชาชนเพื่อต่อต้านรัฐบาลอ านาจนิยม เป็นชนวน

                       น าไปสู่การเปลี่ยนผ่านในระบอบประชาธิปไตย พบว่าเป็นการรวมพลขนาดใหญ่ที่รวมคนต่างชนชั้น
                       ต่างอุดมการณ์ เพื่อสร้างแนวร่วมที่เป้าหมายของการเรียกร้องคือประชาธิปไตย แต่ประสบการณ์ใน

                       ประเทศไทยสะท้อนว่า การเคลื่อนไหวของประชาชนแตกแยกกันเองเป็นสองฝั่งฝ่าย และมีลักษณะ

                       เป็นเพียงการสนับสนุนผู้น าบางคน หรือ ต้องการโค่นผู้น าฝ่ายตรงข้าม โดยไม่มีเป้าหมายปลาย

                       ประสงค์เพื่อระบอบประชาธิปไตย ท าให้พลังมวลชนในการเคลื่อนไหวกดดันอ่อนก าลัง ไม่สามารถยืน

                       หยัดกับข้อเรียกร้องที่ชัดเจน และกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองของชนชั้นน าแต่ละฝ่าย ท้ายที่สุด
                       ประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมจะไม่รู้สึกเป็นเจ้าของและหวงแหนกระบวนการต่อสู้ ในสังคมการเมืองที่มี

                       การแยกขั้วอย่างไม่มีเหตุผล แต่เป็นไปตามรสนิยม ความใกล้ชิด หรือ ความใกล้เคียงกับความชอบ

                       ส่วนบุคคล การปฏิรูปการเมืองเพื่อวางรากฐานประชาธิปไตยมิอาจเกิดขึ้นได้ ดังจะเห็นได้ว่า ความ

                       พยายามปฏิรูปการเมืองของไทยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งมีแต่จะจุดชนวนของความขัดแย้ง ที่

                       แบ่งแยกความเชื่อตามขั้วการเมือง ไม่ได้ตั้งอยู่บนการถกเถียงด้วยสาระ เหตุผล และข้อเสนอที่จริงใจ
                       ต่อการสร้างและจรรโลงประชาธิปไตย การปฏิรูปการเมืองต้องการฉันทานุมัติจากประชาชน ภายใต้

                       ความขัดแย้งที่ด าเนินอยู่ในสังคมไทย ฉันทานุมัติไม่อาจเกิดขึ้นได้


                              การแยกแยะกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สนับสนุนประชาธิปไตย ออกจากพลังที่แท้จริงแล้ว

                       ต่อต้านและปฏิเสธประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป เนื่องจากประชาธิปไตยเป็นแนวคิดนามธรรม
                       ที่ถูกกล่าวอ้างว่าคือเป้าหมายที่หลายฝ่ายต้องการ แต่รูปแบบและหน้าตากลับแตกต่างกันไป แนวคิด

                       สิทธิอ านาจอันชอบธรรมในการปกป้องประชาธิปไตย (Militant  democracy  as  Democratic

                                                     485
                       Counterrevolution) ของ Kirshner  ได้กล่าวเตือนถึงประเด็นดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ Kirshner
                       ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า เครื่องมือที่เหมาะสมต่อการสร้างและปกป้องระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงคือ

                       อะไร แต่ตอกย ้าประเด็นว่าสิ่งที่ควรท า (just  thing  to  do) กับความเป็นประชาธิปไตย บางครั้งก็



                       484
                         Samuel P. Huntington, Political Order in Changing Societies (New Haven and London: Yale University Press, 1968).
                       485  Alexander S. Kirshner, op. cit.
   255   256   257   258   259   260   261   262   263   264   265