Page 259 - kpiebook62016
P. 259

242







                       พลังของกลุ่มคนที่มีขนาดใหญ่ เป็นภาพสะท้อนของการมีประชาสังคมที่เข้มแข็ง หรือถ้าหากประชา
                       สังคมยังอ่อนแอ การรวมตัวประท้วงต่อต้านอ านาจรัฐจะช่วยจุดกระแสความตื่นตัวทางการเมือง


                       เรียกร้องการมีส่วนร่วม สิทธิในการแสดงความคิดเห็น และสร้างพลเมืองที่ตื่นรู้ (Engaged  citizenry) ซึ่ง
                       ส่งผลดีต่อการวางรากฐานประชาธิปไตยในอนาคต มากกว่าการใช้อ านาจยับยั้งโดยคณะทหารกลุ่มเดียว



                              บทบาทของผู้น าทหารที่เป็นตัวอย่างที่ดีในการแสดงพลังเปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่ประชาธิปไตย

                       เห็นได้ในอินโดนีเซีย ที่ผู้น าทหารตัดสินใจยุติบทบาทของทหารทั้งในระบบการเมือง และโครงสร้างทาง

                       เศรษฐกิจ และประธานาธิบดีที่เป็นอดีตนายทหารของไนจีเรีย ตัดสินใจโอนอ านาจให้รัฐบาลพลเรือน

                       ที่มาจากการเลือกตั้ง


                              3.  ความอ่อนแรงของพลังเรียกร้องประชาธิปไตย

                              พลังเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นหัวใจส าคัญในกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย

                       ขณะเดียวกันก็เป็นประเด็นที่มีความซับซ้อนต่อการท าความเข้าใจอยู่ไม่น้อย ในหลายประเทศที่ศึกษา

                       พบว่า วิกฤติเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อ การตกงาน และสภาพความเป็นอยู่ที่อัตคัดฝืดเคืองของ

                       ประชาชน เป็นชนวนหนึ่งที่น าไปสู่การประท้วงกดดันรัฐบาล และกลายเป็นพลวัตต่อต้านระบอบ
                       อ านาจนิยม เรียกร้องการมีส่วนร่วมและประชาธิปไตยในที่สุด แต่ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเพียงเงื่อนไข

                       ทางสภาพแวดล้อมหรือบริบทโดยรอบที่บ่มเพาะความไม่พอใจ การสั่งสมความไม่พอใจในสังคม ไม่ได้

                       น าพาไปสู่การล้มอ านาจรัฐบาล จนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเสมอไป การต่อสู้เพื่อ

                       เปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองต้องมีพลังทางสังคมที่มีเป้าหมายเรียกร้องประชาธิปไตยที่หนักแน่น

                       ชัดเจน มีการเคลื่อนไหวที่เป็นปึกแผ่นและมีคุณภาพ

                              ในความเป็นจริง พบว่า หลายประเทศไม่มีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นปึกแผ่นและมี

                       คุณภาพเพียงพอที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนระบอบการเมือง กรณีเช่นนี้ อาจเป็นผลจากกลไกของรัฐที่

                       คอยตัดทอนพลังทางสังคมที่ก้าวหน้าด้วยการเข้าแทรกแซงในจังหวะและโอกาสที่ส าคัญอย่าง

                       สม ่าเสมอ เพื่อไม่ให้พลังสมัยใหม่บดบังหรือทดแทนพลังอ านาจดั้งเดิมได้ หากมองในมุมของ Samuel
                       Huntington  กลไกของรัฐมีความโน้มเอียงรักษาสถานภาพที่เป็นอยู่ เนื่องจากถูกก ากับควบคุมโดย

                       สถาบันทางการเมืองที่มีแรงจูงใจปกป้องสิทธิอ านาจของชนชั้นน า และพลังทางสังคมเดิม ซึ่งเน้น

                       ป้องกันความไม่มีเสถียรภาพ ให้เกิดความมั่นคง มากกว่าต้องการเปลี่ยนแปลงและมุ่งหวังสู่ความเป็น
   254   255   256   257   258   259   260   261   262   263   264