Page 62 - kpiebook62016
P. 62
45
110
ความชอบด้วยกฎหมายของค าสั่ง กฎ และการกระท าทางปกครอง ยิ่งไปกว่านี้ ศาลรัฐธรรมนูญยัง
ท าหน้าที่วินิจฉัยขั้นสุดท้ายในกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสมัชชาแห่งชาติ
111
และการยุบพรรคการเมือง ที่ริเริ่มโดยฝ่ ายนิติบัญญัติ นัยยะของการใช้อ านาจดังกล่าว
เปรียบเสมือนศาลรัฐธรรมนูญท าหน้าที่ก ากับ ควบคุม อ านาจนิติบัญญัติของสมัชชาแห่งชาติ ซึ่งมา
จากเสียงข้างมากของประชาชน บทบาทการคัดง้างเสียงข้างมากของศาลรัฐธรรมนูญถูกทดสอบเมื่อ
พรรคฝ่ายค้านซึ่งคุมเสียงมากกว่า 2 ใน 3 ของสมัชชาชาแห่งชาติมีมติถอดถอนประธานาธิบดีโรห์ มู-ฮยุน
(Roh Moo-hyun) ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2004 ด้วยข้อหาท าผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทุจริต และละเลยใน
การปฏิบัติหน้าที่ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติยกฟ้องมติถอดถอนของสมัชชาแห่งชาติ โดยวินิจฉัยว่า แม้ว่า
จะมีการละเมิดกฎหมายจริง แต่การกระท านั้นไม่เพียงพอต่อการถอดถอน ท าให้มติดังกล่าวตกไป
พร้อมกับก่อให้เกิดกระแสต่อต้านพรรคฝ่ายค้านอย่างรุนแรง ส่งผลให้พรรครัฐบาลได้กลับมาเป็นเสียง
112
ข้างมากในสมัชชาแห่งชาติ ด้วยที่นั่งในสภาที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากศาลรัฐธรรมนูญจะใช้อ านาจคัดง้างเสียงข้างมากคุ้มครองประธานาธิบดีโรห์ มู-ฮยุน
จากการถอดถอนโดยสมัชชาแห่งชาติแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญยังได้ยุติร่างรัฐบัญญัติย้ายเมืองหลวงจาก
กรุงโซล ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่ประธานาธิบดีโรห์ มู-ฮยุน เสนอในการหาเสียงจนได้รับชัยชนะในการ
เลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ ค.ศ. 2003 และเป็นนโยบายที่พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านสามารถ
บรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้รับค าร้องของสมาชิกสมัชชาแห่งชาติส่วนน้อยที่ไม่
เห็นด้วย และมีมติให้ร่างรัฐบัญญัติดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ด้วยการวินิจฉัยว่า กรุงโซล
(Seoul) มีสถานะเป็นเมืองหลวงตามจารีต ดังนั้น รัฐบัญญัติฉบับนี้จึงมีสถานะทางกฎหมายเทียบเท่า
กับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ การประกาศย้ายเมืองหลวงจึงต้องท าผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้อง
ผ่านการท าประชามติ การย้ายเมืองหลวงด้วยการออกเป็นรัฐบัญญัติจึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญทั้งใน
ด้านของวิธีการ และเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนในการท าประชามติ นับเป็นบทบาทคัดง้างเสียง
110 Constitution of the Republic of Korea, Article 107.
111
Constitution of the Republic of Korea, Article 111.
112 Dae-Kyu Yoon, op. cit., pp. 162 – 163.