Page 193 - kpi12821
P. 193

ณรงค์เดช  สรุโฆษิต




                                                                            8
                    ระบบผสมแบบสัดส่วน (MMP– Mixed Member Proportional) ส.ส. 245 คนแรก
                    มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเขตเดียวคนเดียว (Single-member
                    Constituencies) โดยผู้สมัครที่ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดจะเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง (FPTP)
                    และส.ส.ที่เหลืออีก 54 คนมาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วน (PR – Proportional
                                                             9
                    Representation) ซึ่งใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง  โดยจำนวนคะแนนเสียงแบบสัดส่วน
                                                                                 10
                    จะเป็นตัวกำกับจำนวน ส.ส. ทั้งหมดที่พรรคการเมืองหนึ่งๆ พึงมีในสภา  ทั้งนี้ในการ
                    เลือกตั้ง ส.ส. ผู้มีสิทธิเลือกตั้งแต่ละคนจะมีสองเสียง เสียงแรกเลือกพรรค (Party Vote)
                    และเสียงที่สองเลือกผู้สมัคร (Electorate Vote) 11


                          สภานิติบัญญัติแห่งชาตินั้นมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของฝ่าย
                    บริหาร ในการนี้ อาจเสนอให้ประธานาธิบดีปลดนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่นออก
                    จากตำแหน่งได้  รวมทั้งมีอำนาจถอดถอน (Impeachment) ประธานาธิบดี นายก
                                 12
                                                                                           13
                    รัฐมนตรี รัฐมนตรี ข้ารัฐการระดับสูง และผู้พิพากษาให้ออกจากตำแหน่งได้เช่นกัน


                       8   เป็นระบบเลือกตั้งที่แตกต่างจากที่ใช้ในประเทศไทย กล่าวคือ ระบบเลือกตั้งของไทย จำนวน ส.ส. แบบ
                    แบ่งเขตและจำนวน ส.ส. แบบสัดส่วนของพรรคการเมืองหนึ่งๆ จะเป็นอิสระจากกันและกัน เรียกว่า การเลือกตั้ง
                    ระบบผสมแบบเสียงข้างมาก (MMM – Mixed Member Majortitarian) ในขณะที่ระบบเลือกตั้งของเกาหลีใต้  1 1
                    กลับจะนำจำนวน ส.ส. ทั้งหมดของพรรคการเมืองหนึ่งๆ ไปผูกติดกับจำนวนสัดส่วนคะแนนเสียงที่พรรคการเมือง
                    นั้นๆ ได้รับในการเลือกตั้งแบบสัดส่วน เช่นเดียวกับระบบเลือกตั้งที่ใช้อยู่ในประเทศเยอรมนีและนิวซีแลนด์
                    ผู้สนใจโปรดดู David M. Farrell, Electoral Systems – A Comparative Introduction, (New York:
                    Palgrave, 2001), น. 96-120.

                       9   P.O.E.A., art. 20. [Article 20 of the Public Official Election Act 1994, latest amended
                    2009]
                       10   เบื้องต้น จะใช้คะแนนเสียงที่พรรคการเมืองหนึ่งๆ ได้รับจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วน คิดคำนวณตัวเลข
                    จำนวน ส.ส. ทั้งหมดที่พรรคการเมืองนั้นพึงมีอยู่ในสภา จากนั้น นำมาลบออกด้วยจำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขตที่
                    พรรคการเมืองนั้นได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตแล้ว จำนวนที่เหลือคือตัวเลขที่นั่งที่พรรคการเมืองนั้นจะได้
                    รับจากระบบสัดส่วน ตัวอย่างเช่น พรรค A ได้คะแนนเสียงแบบสัดส่วนคิดเป็น 50 % ของคะแนนเสียงเลือกตั้ง
                    ทั้งหมด เท่ากับพรรค A จะมี ส.ส. ในสภา 150 คน พรรค A มี ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว 130 คน เช่นนี้
                    พรรค A จะได้ ส.ส. จากระบบสัดส่วนอีก 20 คน ไม่ใช่ พรรค A จะได้ ส.ส. จากระบบสัดส่วนอีก 50 % ของ
                    จำนวน ส.ส. แบบสัดส่วนทั้งหมด (54 ที่นั่ง) หรือเท่ากับ 27 คนแต่อย่างใด; โปรดดู http://www.nec.go.kr/
                    nec_2009/english/
                       11    Sung Nak In, “Korea,” in Thomas D. Grant (ed.), Lobbying, Government Relations And
                    Campaign Finance Worldwide, (USA, Oxford University Press), น. 320.

                       12   C.R.K., art. 61 – 63.
                       13   C.R.K., art. 65.
   188   189   190   191   192   193   194   195   196   197   198