Page 249 - kpi15476
P. 249
24 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15
แล้ว ใช่ว่าขงจื่อจะเห็นชอบด้วยกับการกระทำของเจ้าแคว้นหลู่ ดังที่ “เจ้าแคว้นหลู่เจากงเคยถูก
ขงจื่อถวายฎีกาทัดทานมาแล้วหลายครั้ง” (คัมภีร์หลุนอวี่, 2549:198) เพียงแต่ขงจื่ออาจไม่
ต้องการให้ผู้คนโดยทั่วไปรับรู้ความผิดของเจ้าแคว้นจากปากของตนโดยตรงเพราะคำพูดของขงจื่อ
ย่อมมีน้ำหนักที่น่าเชื่อถือแก่คนทั่วไปได้มากและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ขงจื่อจึงยอมที่จะ
เสียชื่อเสียงต่อตุลาการแคว้นอื่นหรือคนที่รับรู้ความผิดของเจ้าแคว้นนี้เพียงไม่กี่คนมากกว่าจะยอม
ให้พระเกียรติของเจ้าแคว้นเสียไปในลักษณะที่กว้างขวางอันเกิดจากคำพูดของขงจื่อเอง
อีกเหตุผลหนึ่งของความจำเป็นที่ต้องอำพรางความผิดให้เจ้าแคว้นในกรณีนี้ ขงจื่ออาจมอง
ว่า พลังจริยธรรมของผู้ปกครองนั้นจะมีฐานะเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของผู้ใต้ปกครองซึ่ง
เป็นหน่วยย่อยต่างๆ ในสังคมได้มาก ดังนั้นความสัมพันธ์ภายในครอบครัวของผู้ปกครองเองจึง
ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชนซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติตาม เพราะขงจื่อมองว่ามนุษย์ส่วนใหญ่เป็น
ผู้ตามแต่ ไม่ทุกคนที่จะปฏิบัติตามได้อย่างมีปัญญาที่จะพิจารณาว่าสิ่งใดถูกต้อง สิ่งใดควรกระทำ
ดังนั้นผู้ปกครองจะต้องปฏิบัติตัวให้เป็นผู้มีจริยธรรมเพื่อจะเป็นต้นลมที่ดีพัดพายอดหญ้าไปถูก
ทิศทาง หากมองในทางกลับกัน สังคมได้ผู้ปกครองที่เลว ไร้ซึ่งจริยธรรม ผลที่ตามมาจากการที่
ประชาชนปฏิบัติตามย่อมจะส่งผลที่เลวร้ายเนื่องด้วยประชาชนไม่อาจพิจารณาได้ว่าสิ่งใดดีสิ่งใด
เลวได้ เพราะประชาชนมีความสามารถที่จะเรียนรู้ได้แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม ในบางตัวบทของปรัชญาขงจื่อ จะสะท้อนว่าหน้าที่ต่อรัฐในฐานะขุนนางรับใช้
ผู้ปกครองยังสำคัญน้อยกว่าจริยธรรมในครอบครัว ดังตัวบทที่ขงจื่อว่า “‘...อันว่ามหาเสวกนั้น
จะรับใช้เจ้านครด้วยคุณธรรม หากมิอาจทำได้ก็จะขอลาออกจากตำแหน่ง แต่สำหรับจื่อลู่กับ
หยั่นฉิวนี้ ก็เป็นได้เพียงขุนนางที่ทำหน้าที่ได้ดีเท่านั้น’ จี้จื่อหยานถามอีกว่า ‘ถ้าอย่างนั้นจะถือว่ามี
ความเชื่อฟังไม่ขัดฝืนได้หรือไม่?’ ขงจื่อกล่าวว่า ‘หากให้ไปสังหารบิดาหรือเจ้านครแล้ว พวกเขา
ไม่ปฏิบัติตามหรอก’” (คัมภีร์หลุนอวี่, 2549:246) ตีความได้ว่า การเป็นขุนนางไม่ใช่สักแต่ว่าทำ
ตามเจ้านครทุกอย่างโดยไม่พิจารณาถึงคุณธรรม ถึงจะรับใช้เจ้านครอย่างสุดความสามารถก็ต้อง
กอปรด้วยคุณธรรม โดยเฉพาะหลักคุณธรรมในครอบครัวที่ต้องถือเป็นแก่นใหญ่ หากเจ้านคร
ใช้ให้ไปสังหารบิดาของตนเองก็ไม่อาจจะทำตามได้ แม้จะถือว่าเป็นการขัดคำสั่งของเจ้านคร
ในหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาก็ตาม หรือแม้แต่การสังหารตัวเจ้านครเองก็ไม่อาจทำได้เพราะถือว่า
เป็นผู้มีบุญคุณที่ต้องกตัญญูกตเวที จะเห็นได้ว่าประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องหน้าที่เพียงอย่างเดียว แต่จะมี
หลักความกตัญญูเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และถ้าให้เลือกแล้วความกตัญญูต่อบิดาก็สำคัญมากกว่า
ความกตัญญูต่อเจ้านคร
โดยสรุป จากมหาภารตยุทธ จะสะท้อนถึงการกระทำของบิดาที่รู้เห็นเป็นใจสมคบคิด
วางแผนกับบุตรในการกระทำความผิด กล่าวคือ รู้อยู่ว่าสิ่งที่บุตรกระทำนั้นเป็นความผิดก็ไม่เข้า
เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย เดือดร้อนต่อผู้อื่น เท่ากับส่งเสริมให้พี่น้องสองเป็นศัตรูกันโดยปราศจากภราดรธรรมนำไปสู่ความ
ห้ามปราม และยังเห็นดีด้วยกับการกระทำดังกล่าวโดยรู้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะสร้างความ
วุ่นวายในสังคมอันมีสาเหตุมาจากการไม่มีจริยธรรมของผู้ปกครอง ซึ่งประเด็นการรู้เห็นเป็นใจใน
การกระทำผิดนี้จะแตกต่างจากประเด็นการอำพรางความผิดในปรัชญาขงจื่อ ที่การอำพรางความ
ผิดนั้นเกิดจากการกระทำความผิดของตัวบิดาหรือบุตรเอง โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ให้การสนับสนุน