Page 295 - kpi15476
P. 295
294 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15
อาศัยความปรารภที่กล่าวมา เราคิดเห็นว่าตามราชประเพณีซึ่งมีอยู่ในบัดนี้ พระเจ้าแผ่นดิน
มีมนตรีสำหรับเปนที่ทรงปรึกษาหารือสองคณะด้วยกัน คือ องคมนตรี ซึ่งทรงตั้งไว้เปน
จำนวนมาก สำหรับทรงปรึกษากิจการพิเศษ อันเกิดขึ้นฉะเพาะสิ่งฉะเพาะอย่างคณะ 1 กับ
เสนาบดีสภาผู้บังคับบัญชาราชการกระทรวงต่างๆ มีจำนวน หย่อนญี่สิบ สำหรับทรง
ปรึกษาหารือราชการ อันกำหนดไว้เปนหน้าที่ในกระทรวงนั้นๆ คณะ 1 แต่ยังมีราชการ
อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเปนการสำคัญอย่างยิ่ง กล่าวคือ ที่จะคิดให้กิจการตลอดจนรัฎฐาภิปาลโนบาย
ของรัฐบาลเปนอุปการอันหนึ่งอันเดียวกันทุกกระทรวงทบวงการ แต่ก่อนมาตกอยู่แต่ตาม
พระบรมราชวินิจฉัยแม้มีพระราชประสงค์จะทรงปรึกษาหารือผู้อื่นก็ได้อาศัยแต่เสนาบดี
สภา เราเห็นว่ายังไม่เหมาะ เพราะเหตุที่เสนาบดีสภาสมาชิกตั้งตามตำแหน่งกระทรวง
มีจำนวนมากนั้นอย่าง 1 และล้วนเปนเจ้าหน้าที่ฉะเพาะกิจการกระทรวงใด กระทรวงหนึ่ง
นั้นอีกอย่าง 1 เราจึงคิดจะตั้งมนตรีขึ้นใหม่อีกคณะหนึ่ง เรียกว่า “อภิรัฐมนตรีสภา” ให้มี
จำนวนสมาชิกแต่น้อย สำหรับพระเจ้าแผ่นดินทรงปรึกษาราชการทั้งปวงเปนนิจ เพื่อจะได้
เปนกำลังแก่การที่ทรงพระราชวินิจฉัยราชการทั้งปวง ในการตั้งสภาอภิรัฐมนตรีนี้ ผู้ซึ่ง
สมควรจะเปนสมาชิกจำต้องเปนผู้ซึ่งมีความคุ้นเคยและชำนิชำนาญราชการมากมาแต่ก่อน
และประกอบด้วยเกียรติคุณทั้งความปรีชาสามารถ สมควรเปนที่ทรงไว้พระราชหฤทัยของ
พระเจ้าแผ่นดิน ตลอดจนมหาชนทั้งหลาย เราจึงได้เลือกสรร
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พระองค์ 1
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต พระองค์ 1
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ พระองค์ 1
กรมพระดำรงราชานุภาพ พระองค์ 1
กรมพระจันทบุรีนฤนาถ พระองค์ 1
ด้วยทั้ง 5 พระองค์นี้ได้ทรงรับราชการในตำแหน่งสำคัญมาแต่รัฐกาลที่ 5 เคยเปนที่
ทรงไว้วางพระราชหฤทัย ทั้งได้คุ้นเคยทราบกระแสพระราชดำริห์ และพระบรมราโชบาย
ของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมาแต่ก่อน ล้วนทรงปรีชาสามารถและมีเกียรติคุณจะหาผู้อื่น
เสมอเหมือนได้โดยยาก เราตั้งให้เจ้านายผู้ใหญ่ทั้ง 5 พระองค์เปนอภิรัฐมนตรีแต่นี้ไป
ด้วยไว้วางใจในความซื่อตรงจงรักภักดี ซึ่งทรงมีต่อบ้านเมืองและตัวเราด้วยกันทุกพระองค์
การที่เราคิดจัดดังกล่าวมานี้หวังว่าจะเปนคุณเปนประโยชน์สืบต่อไป...” (ราชกิจจา
นุเบกษา เล่ม 42, วันที่ 28 พฤศจิกายน 2468: 2618; อ้างถึงในชงคชาญ สุวรรณมณี)
อภิรัฐมนตรีสภาถือได้ว่าเป็นสถาบันการเมืองแรกที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงสถาปนาขึ้นทันทีที่ทรงขึ้นครองราชย์เพื่อสืบต่อ “สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน” (Council
เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย การแผ่นดิน เมื่อปี พ.ศ. 2417 (ชาญชัย รัตนวิบูลย์, 2548: 7-37; ทีมงานนักหนังสือพิมพ์
of State) พร้อมกับได้ทรงจัดตั้ง “สภากรรมการองคมนตรี” สืบต่อ “สภาที่ปรึกษาส่วนพระองค์”
(Privy Council) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสถาปนาขึ้นในระบบสภา
อาวุโส, 2550: 7-18) ดังนั้น หากจะพอเทียบเคียงสภาทั้งสองดังกล่าวรวมกันเทียบเท่าได้กับสภา
ขุนนาง (House of Lords) หรือวุฒิสภา (Senate) เพื่อจำกัดพระราชอำนาจอันล้นพ้นของ
พระมหากษัตริย์ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์อันเป็นพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จ