Page 300 - kpi15476
P. 300

การประชุมวิชาการ
                                                                                          สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15   299


                      ซึ่งยึดถือหลักความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ (The Supremacy of Constitution)
                      อันเป็นสัญญาประชาคมที่มีการแยกการใช้อำนาจอธิปไตยเป็น 4 ฝ่ายคือ อำนาจรัฏฐาภิบาล

                      อำนาจนิติบัญญัติ อำนาบริหาร และอำนาจตุลาการ องค์อำนาจทั้ง 4 ฝ่ายแยกการใช้อำนาจเป็น
                      อิสระและตรวจสอบถ่วงดุลกัน สภาอภิรัฐมนตรี (The Supreme Council of State) เป็น
                      องค์อำนาจที่สี่เป็นสภาการแผ่นดินสูงสุดที่ใช้อำนาจรัฏฐาภิบาล ตามหลักความเป็นสูงสุดของ

                      รัฐสภา (The Supremacy of Parliament) ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญและพิทักษ์ระบอบ
                      ประชาธิปไตยร่วมกับศาลรัฐธรรมนูญ อำนาจตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของ 3 องค์อำนาจเดิม

                      (รัฐสภา รัฐบาล และศาล) โดยการเลือกตั้งองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญเพื่อตรวจสอบการใช้
                      อำนาจรัฐและอำนาจการสอบคัดสรร (National Examination) เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าสู่ตำแหน่ง
                      ทุกตำแหน่งเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตซื้อขายตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยควบรวม

                      สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบ
                      ราชการ (ก.พ.ร.) เป็นคณะกรรมการราชการแผ่นดินแห่งชาติ (National Public Functionaries

                      Commission: NPFC) ที่เป็นองค์กรอิสระในสังกัดสำนักงานเลขาธิการสภาอภิรัฐมนตรี

                       2.1 การปฏิรูประบอบประชาธิปไตยไทยในกรอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับ

                            ธรรมาธิปไตย


                            2.1.2  โครงสร้างสถาบันที่เป็นระบบกลไกปฏิรูประบอบประชาธิปไตยไทย


                                การปฏิรูประบอบประชาธิปไตยไทยเป็นการปฏิรูปโครงสร้างสถาบันการเมือง

                      การปกครองระบอบประชาธิปไตยใหม่ในระบบกึ่งรัฐสภา (Semi-Parliamentary System) ซึ่ง
                      หัวหน้าองค์อำนาจที่ใช้อำนาจอธิปไตยทั้ง 4 ฝ่ายต้องมาจากการเลือกตั้งของปวงชนชาวไทย
                      ซึ่งพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐทรงใช้อำนาจอธิปไตยในการแต่งตั้งหัวหน้าองค์อำนาจ

                      ทั้ง 4 ฝ่ายให้ดำรงตำแหน่งทั้ง 4 ตำแหน่งคือ ประธานสภาอภิรัฐมนตรีใช้อำนาจรัฏฐาภิบาล
                      ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติใช้อำนาจนิติบัญญัติ นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจบริหาร และ

                      ประธานศาลยุติธรรมสูงสุดใช้อำนาจตุลาการ เพื่อร่วมมือกันปฏิรูปประชาธิปไตยไทยให้นำไปสู่
                      การสร้างสังคมธรรมาธิปไตยตามกรอบนวัตกรรมของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                      (ฉบับธรรมาธิปไตย) โดยมีระบบกลไกโครงสร้างใหม่ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้


                                 1) อำนาจอธิปไตย (Sovereignty) เป็นของปวงชนชาวไทยนั้น มีบ่อเกิดมาจาก
                                    รัฏฐาธิปัตย์ (Sovereign) ประกอบด้วย 3 องค์อธิปัตย์ที่เป็นรากฐานของสถาบัน

                                    แห่งชาติ 3 สถาบัน คือ ประชาชาติหรือชาติ (Nation) เป็นบ่อเกิดของ
                                    ประชาธิปไตย (Democracy) ที่ยึดหลักประชาภิบาล (People Governance)

                                    ศาสนา (Religion) ทุกศาสนาเป็นบ่อเกิดของธรรมาธิปไตย (Dharmacracy) ซึ่ง
                                    ถือเป็นหลักธรรมาภิบาล (Moral Governance) และพระมหากษัตริย์
                                    (Monarchy) เป็นบ่อเกิดของราชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์ทรงยึดถือหลัก

                                    ราชาภิบาล (Royal Governance) โดยทรงปฏิบัติตามหลักทศพิธราชธรรม ซึ่ง                   เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย
                                    ปวงชนชาวไทยเย็นศิระเพราะพระบริบาลที่ทรงปกเกล้ามิได้ปกครอง (The King
   295   296   297   298   299   300   301   302   303   304   305