Page 336 - kpi15476
P. 336
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15 335
โดยการรวบรวมเงื่อนไขของการสร้างธรรมาภิบาลที่ปรากฏอยู่ใน The World Development
Report ของธนาคารโลก ซึ่งเขาพบว่าในรายงานปี พ.ศ. 2540 ระบุว่าเงื่อนไขหรือสิ่งที่ต้องทำใน
การสร้างธรรมาภิบาลในประเทศกำลังพัฒนามีอยู่เพียง 45 รายการเท่านั้น แต่ต่อมาในปี พ.ศ.
2545 จำนวนของเงื่อนไขดังกล่าวได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเป็นจำนวนถึง 116 รายการ ซึ่งสำหรับตัว
เขาเองแล้วจึงเห็นว่าหากประเทศใดก็ตามหากต้องการธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ ประเทศ
นั้นจำเป็นต้องเร่งดำเนินการ เพราะหากมัวรั้งรอแล้ว นั่นย่อมเท่ากับว่าประเทศนั้นๆ จะมีเงื่อนไข
หรือสิ่งที่จำเป็นต้องทำสำหรับการสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศที่เพิ่มมากขึ้น (Grindle
2004 : 527-528)
แม้ว่าในทางปฏิบัติการสร้างสังคมธรรมาภิบาลจะมีเงื่อนไขที่ต้องดำเนินการเป็นจำนวนมาก
ก็ตาม แต่โดยหลักการแล้วองค์ประกอบหลัก (key elements) ของธรรมาภิบาลจะไม่หนีไปจาก
องค์ประกอบที่ อรพินท์ สพโชคชัยได้สรุปเอาไว้ นั่นคือ การมีส่วนร่วมของประชาชน (public
participation) ที่มุ่งเน้นถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ
ที่เกิดขึ้นภายในรัฐ ไม่ว่าจะผ่านช่องทางใดก็ตาม ความสุจริตและโปร่งใส (honesty and
transparency) ซึ่งหมายถึงการมีระบบและกติกาต่างๆ ที่เปิดเผย ประชาชนเข้าถึงและได้รับ
ข้อมูลอย่างเสรี พันธะความรับผิดชอบต่อสังคม (accountability) ที่เน้นไปที่การรับผิดรับชอบต่อ
สาธารณะ ซึ่งความโปร่งใสจะมีส่วนอย่างสำคัญต่อการสร้างความรับผิดรับชอบ กลไกการเมือง
ที่ชอบธรรม (political legitimacy) เป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกาและเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน
ภายในสังคม กฎเกณฑ์ที่ยุติธรรมและชัดเจน (fair legal framework and predictability)
โดยกฎเกณฑ์เหล่านั้นมีการบังคับใช้กับทุกภาคส่วนในสังคมอย่างเท่าเทียมไม่มีการยกเว้น
อันทำให้ทุกฝ่ายสามารถคาดเดาถึงผลลัพธ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีการบังคับใช้กฎเกณฑ์และ
กติกาต่างๆ ประสิทธิภาพและประสิทธิผล (efficiency and effectiveness) ที่เน้นถึง
กระบวนการหรือกลไกต่างๆที่ทำหน้าที่ในการจัดบริการสาธารณะซึ่งมีความคุ้มค่าและก่อให้เกิด
ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ (อรพินท์ สพโชคชัย 2540)
ในระยะหลังๆ บางหน่วยงานอาจมีการเพิ่มเติมองค์ประกอบหลักของหลักธรรมาภิบาล
เข้าไปบ้าง แต่ก็มิได้ส่งผลทำให้จุดเน้นของหลักธรรมาภิบาลเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เช่น
UNESCAP อาจให้ความสำคัญกับการมีฉันทามติร่วมกันภายในสังคม (consensus oriented)
ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เมื่อภาคส่วนต่างๆ ภายในสังคมยอมรับถึงความต้องการหรือผลประโยชน์ของ
แต่ละภาคส่วนที่แตกต่าง แต่สุดท้ายแล้วทุกภาคส่วนนั้นสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ว่าทางเลือก
หรือการตัดสินใจแบบใดที่จะเป็นการตัดสินใจที่เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมได้มากที่สุด รวมถึงการ
ให้ความสำคัญกับความเสมอภาคและความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม (equity and
inclusiveness) ซึ่งหมายความว่าทุกภาคส่วนต่างรู้สึกว่าตนเองนั้นเป็นส่วนหนึ่งในสังคมอย่าง
เท่าเทียม ไม่ถูกแบ่งแยกและกีดกันจากกระบวนการตัดสินใจในประเด็นต่างๆ ของสังคม
(UNESCAP, What is Good Governance?, http://www.unescap.org/pdd/prs/
ProjectActivities/Ongoing/gg/governance.asp, เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2556)
จากการพิจารณาองค์ประกอบที่สำคัญของหลักธรรมาภิบาลดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น อาจพอทำให้ เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย
สรุปได้ว่า การสร้างสังคมธรรมาภิบาลนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการปรับปรุงทั้งในเชิง