Page 337 - kpi15476
P. 337
33 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15
โครงสร้าง และกระบวนการของทั้ง 3 ภาคส่วน นั่นคือ ภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาค
ประชาสังคม
สำหรับในกรณีของประเทศไทย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ได้วิเคราะห์เอาไว้ว่าสภาพทาง
เศรษฐกิจและสังคมของไทยที่ผ่านมาในอดีตมีลักษณะสำคัญที่ไม่สอดคล้องต่อสภาพการเป็น
สังคมธรรมาภิบาล กล่าวคือ ในประการแรก ประเทศไทยมีโครงสร้างทางสังคมที่อ่อนแอดังจะ
เห็นได้จากการที่ระบบหรือกลไกราชการทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดการเศรษฐกิจและสังคม
รวมศูนย์อำนาจในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆไว้ที่กลไกของราชการส่วนกลางที่กรุงเทพมหานคร
รวมทั้งสภาพของระบบการเมืองที่ขาดความต่อเนื่องและไร้เสถียรภาพ ในประการที่สอง
กระบวนการบริหารจัดการเศรษฐกิจและสังคมของไทยเป็นกระบวนการที่ปิดโดยไม่เปิดโอกาสให้
ภาคส่วนต่างๆได้เข้าไปมีส่วนร่วม ซึ่งลักษณะเช่นนี้ มีส่วนอย่างสำคัญที่ทำให้เกิดความขัดแย้งใน
เรื่องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่รุนแรง และในประการที่สาม หากพิจารณาในด้านกลไกทาง
กฎหมาย ก็จะเห็นได้ว่ากฎหมายเองก็มีปัญหาเพราะให้อำนาจและดุลพินิจแก่ระบบราชการมาก
ปราศจากการควบคุมตรวจสอบที่สมบูรณ์ จึงเป็นที่มาของการทุจริตและประพฤติมิชอบ
(บวรศักดิ์ อุวรรณโณ 2542 : 59-67)
เพราะฉะนั้น จากการที่เศรษฐกิจและสังคมของไทยที่มีลักษณะอธรรมาภิบาลดังที่ได้กล่าว
มานี้เองจึงทำให้เกิดแนวคิดและข้อเรียกร้องว่าเราจำเป็นต้องมีการปฏิรูปทางการเมือง รัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 จึงได้มีสถานะเป็นเครื่องมือสำคัญที่หลายฝ่ายคาดหวังว่าจะ
นำไปสู่การปฏิรูปทางด้านการเมืองภายใต้กรอบแนวคิดธรรมาภิบาล โดยที่รัฐธรรมนูญได้มุ่งเน้น
ไปที่สาระสำคัญ 3 ประการ อันได้แก่ (บวรศักดิ์ อุวรรณโณ 2542 : 74-77)
การมุ่งปฏิรูปให้สภาวะ “การเมืองที่เป็นของนักการเมือง” กลายเป็น “การเมืองของ
พลเมือง” ดังที่เราจะเห็นได้จากการที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นสิทธิ
เสรีภาพของประชาชน รวมถึงช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในทางการเมืองนอกเหนือไป
จากการเลือกตั้ง
การทำให้ภาครัฐทั้งที่เป็นฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ ซึ่งถูกมองว่ามีปัญหาในเรื่อง
ของความสุจริตและโปร่งใส เป็นภาครัฐที่มีความโปร่งใส สุจริต และมีความชอบธรรมในการใช้
อำนาจ ดังจะเห็นได้จากการที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ให้ความสำคัญกับกลไกหรือองค์กรอิสระต่างๆ
ที่ทำหน้าที่ในการกำกับและตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ และ
การปรับปรุงให้ระบบการเมืองและระบบราชการที่ไร้เสถียรภาพและประสิทธิภาพ ให้กลาย
เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย เริ่มต้นของความพยายามที่ชัดเจนและเป็นระบบในการที่จะสร้างสภาพสังคมธรรมาภิบาลให้เกิด
เป็นระบบการบริหารจัดการภาครัฐที่มีเสถียรภาพ และประสิทธิภาพโดยต้องมีระบบการ
ตรวจสอบที่เข้มงวดทั้งในทางกฎหมายและช่องทางอื่นๆ
ดังนั้น จึงพอที่จะกล่าวได้ว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 นับได้ว่าเป็นจุด
ขึ้นในประเทศไทย เราสามารถมองได้ว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540