Page 419 - kpi15476
P. 419
41 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15
แม้รายงานของครูจะบอกว่าทรงปรับพระองค์ได้ดี แต่เกลี่ เชื่อว่า น่าจะทรงรู้สึกว้าเหว่ใน
ช่วงแรก และจินตนาการว่าที่ทรงพระเกษมสำราญได้เร็ว ก็เพราะที่อีตันทรงปลอดจากการมีคน
ติดตามดูแลทุกฝีก้าวเช่นที่ในวังในสยามประเทศ จึงทรงมีเสรีภาพพอควรที่จะทรงแสวงหาความรู้
ความเข้าใจในสิ่งที่พระองค์สนพระทัยเป็นการส่วนพระองค์ ทั้งนี้เพราะ แม้อีตันจะเข้มงวดในวินัย
แต่ก็เปิดช่องให้เด็กได้พัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง ในกรณีของพระองค์ ครูที่ปรึกษาหนุ่มน่าจะมี
บทบาทสำคัญในการหนุนเนื่องจากความสนพระทัยในศิลปะ และความเห็นแก่เพื่อนมนุษย์ให้
งอกงามในพระองค์ จนเป็นพระจริยวัตรสืบมา
ในขณะเดียวกันการที่ได้ประทับในอังกฤษเอื้อให้พระองค์ได้ทรงตระหนักถึงข้อดีและข้อเสีย
ของสังคมอุตสาหกรรม จึงปรากฏเป็นพระราชทัศนะเชิงวิสัยทัศน์ที่ว่า การเปลี่ยนแปลงสู่ความ
เป็นสมัยใหม่แม้จะจำเป็น แต่หากรวดเร็วเกินไปจะเสี่ยงต่อการทำลายเยื้อใยที่ถักทอสังคมไว้
จนอาจนำไปสู่การปฏิวัติประชานิยม (populist revolution) หลังจากนั้นไม่กี่ปี กระแสดังกล่าวได้
ท้าทายระบอบอัตตาธิปไตย (autocracies) ในหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัสเซีย เมื่อ
ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) จะมีก็แต่อังกฤษเพียงประเทศเดียวที่รอดพ้นมาได้ ซึ่งก็ด้วยเสถียรภาพ
อันเนื่องมาจากประวัติศาสตร์ของวิวัฒนาการยาวนาน สู่ระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญและ
การปกครองแบบมีตัวแทนในรัฐสภา เป็นคำตอบที่ครูที่อีตันในสมัยของพระองค์พร่ำสอนนักเรียน
อยู่ทุกเมื่อ
ประชาธิปกเยาวราชกุมาร จะทรงเข้าพระทัยในบทเรียนดังกล่าวเพียงใด เกลี่ ยอมรับว่า
เป็นเรื่องที่ต้องคาดเดากันไป แต่เขามั่นใจว่า ย่อมจะทรงชื่นชมความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของสถาบัน
พระมหากษัตริย์ในอังกฤษ และแล้วเมื่อต้องทรงครองราชย์สมบัติ ก็ได้ทรงพยายามใช้แนวทาง
แบบค่อยเป็นค่อยไปของอังกฤษนั้น เพื่อเปลี่ยนแปลงสยามสู่ประชาธิปไตย หากแต่ว่า
หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งมีวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำระดับโลกโถมเข้าซ้ำเติมในช่วงคริสต์ศตวรรษ
1930 ดังนั้น การที่สยามได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งรีบเป็นระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ
เมื่อ พ.ศ.2475 จึงไม่เอื้อต่อความมีเสถียรภาพของระบอบนั้นเท่ากับในหลายสิบปีให้หลังคือ
ในช่วงท้ายๆ ของศตวรรษที่ 20 ด้วยเหตุนี้
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีความเข้าใจในหลักปรัชญาอย่างกว้างขวางและ
ลุ่มลึกได้เช่นนี้ นอกจากการศึกษาที่วิทยาลัยอีตันดังกล่าวข้างต้นแล้ว อีกส่วนหนึ่งมาจากพระ
อุปนิสัยส่วนพระองค์ที่ทรงโปรดการอ่านหนังสือและความเป็นนักอ่านของพระองค์ ดังสะท้อนได้
จากทรงมีหนังสือส่วนพระองค์อยู่หลายร้อยเล่มหลายประเภทหลายภาษา ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น
“ตู้ทองแห่งการทรงศึกษาตลอดพระชนม์ชีพ” ของพระองค์ ดังความตอนหนึ่งที่ พฤทธิสาณ
ชุมพล (2552) เล่าให้ฟังว่า
เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย ...ย้อนคิดคำนึงถึงหนังสือส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวหลายร้อยเล่ม...
เชื่อว่ามีหนังสือเก่าและหนังสือหายากที่น่าสนหลายประเภท
หลายภาษาซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น “ตู้ทองแห่งการศึกษาตลอดพระชนม์ชีพ”