Page 92 - kpi15476
P. 92
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15 91
(10) อวิโรธนะ (รู้จักหนักแน่นในธรรม) ทรงวางพระองค์หนักแน่นในธรรม ไม่ทรง
หวั่นไหวจนเกินควรต่อถ้อยคำที่ดีร้าย ทรงพยายามผดุงความเที่ยงธรรมเหนือความ
ยุติธรรมตามกฎหมายโดยเมื่อมีคนจีนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ถวายฎีกาขอไม่รับ
โทษเนรเทศ ได้ทรงวินิจฉัยว่าเขาเป็นผู้ที่ประกอบสัมมาอาชีวะและรับผิดชอบต่อ
ภรรยาคนไทยและบุตรที่เกิดในสยาม จึงเป็นกำลังสำคัญของชาติและควรให้ได้อยู่
ต่อไป ต่อมา ทรงร้องขอให้รัฐบาลอนุญาตให้ราษฎรทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอ
พระราชทานอภัยโทษได้โดยตรง ด้วยทรงถือคติว่า “ถ้าคนเราไม่มีความยุติธรรม
อันใดอันหนึ่งที่สูงกว่าความยุติธรรมของคนต่อคนกันเองแล้ว คนที่ประพฤติดี
เห็นจะน้อยเต็มที และจะเป็นที่น่าเหี่ยวแห้งใจอย่างยิ่ง” นับเป็นการที่พระองค์ทรง
ถือผลแห่งกรรมเป็นใหญ่กว่าความยุติธรรมในโลกมนุษย์ปุถุชน อีกทั้งในวาระที่จะ
ทรงสละราชสมบัติ ได้ทรงเน้นย้ำถึงหลักนิติธรรมในการปกครอง ที่ต้องไม่มีความ
ลำเอียงหรือการทำตามอำเภอใจของผู้ปกครอง ว่าเป็นหลักอันขาดเสียมิได้ในการ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตย
เห็นได้ว่า ธรรมในพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น อิงอยู่กับ
ทศพิธราชธรรมไม่น้อยมาโดยตลอด นับว่าพระองค์ได้ทรงพยายาม “ทำให้ผู้อื่นยินดีปรีดาและ
พึงพอใจโดยธรรม” แต่จะได้สร้าง “ประโยชน์เกื้อกูลและสุขแห่งมหาชน” ตามความใน
พระปฐมบรมราชโองการเมื่อทรงบรมราชาภิเษกเพียงใดนั้น ย่อมแล้วแต่ว่า “มหาชน” ส่วนใด
คณะใดยุคสมัยใดเป็นผู้ประเมิน และโดยได้มองอย่างรอบด้านแล้วหรือไม่ ประโยชน์อันพึงมีจาก
การศึกษาพระราชประวัติและพระราชจริยวัตรจึงน่าจะอยู่ที่ การนำมาพิจารณาตริตรองว่า หากใน
ปัจจุบันนี้ เรามีผู้นำเช่นนี้ จะดีในแง่ใด เพียงใด มากกว่าอย่างอื่น
เอกสารประกอบการอภิปราย