Page 87 - kpi15476
P. 87

การประชุมวิชาการ
                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15


                  สอบว่าทำงานอะไร มีบุตรภรรยาจริงหรือไม่ มีผู้รับรองความประพฤติหรือไม่ เมื่อทรงได้รับ
                  คำตอบว่า ทำการค้าขายข้าวเปลือก มีภรรยาคนไทยและมีบุตรด้วยกันจริง จึงได้พระราชทาน

                  อภัยโทษ แสดงว่าทรงมีพระเมตตาแก่ผู้ประกอบสัมมาอาชีวะและต่อภรรยาและบุตรของเขา แต่
                  ในอีกรายหนึ่งที่ได้กระทำความผิดร้ายแรง แม้มีภรรยาเป็นไทยและบุตรหลายคน และทรง “รู้สึก
                  สงสาร” ภรรยาและบุตร “อยู่บ้าง” ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้ยกฎีกา. (สุวดี 2537 : 25-26)


                       สุดท้ายในเรื่อง “ความรู้จักพอดี” นั้น มีข้อถกเถียงกันมาตั้งแต่รัชกาลที่ 6 ทั้งในหมู่

                  ผู้กำหนดนโยบายและพระราชกำหนดกฎหมายแล้วว่าควรมีระบบหลายเมียตามประเพณีเดิมหรือ
                  มีระบบเมียเดียวตามประเพณีตะวันตก ในรัชกาลที่ 7 การถกเถียงกันในหน้าสื่อมวลชนมีมากขึ้น
                  จึงได้มีพระราชดำริให้พิจารณาในเรื่องนี้อีก โดยสภากรรมการองคมนตรีมีส่วนร่วมในการ

                  พิจารณา และให้เปลี่ยนชื่อจาก “ร่างพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว” เป็น “ร่างพระราช
                  บัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะผัวเมีย” และ ต่อมาได้มีข้อถกเถียงในเสนาบดีสภาอีก

                  จึงโปรดเกล้าฯ ให้ลงมติ ปรากฏว่า 6 คน ใน 14 คน สนับสนุนระบบเมียเดียว อีก 8 คน
                  สนับสนุนระบบหลายเมีย หลังจากการลงมติ ซึ่งทรงยอมรับ เสียงส่วนใหญ่นั้น ได้ทรงแสดง
                  พระราชทัศนะว่า ในทางปฏิบัตินั้นระบบเมียเดียวไม่เป็นผลแม้ในประเทศตะวันตก ดังนั้นไม่มี

                  เหตุผลที่จะละอายหากสยามจะมีระบบภรรยาหลายคนต่อไป ไม่ทรงเห็นด้วยในข้อที่ว่าให้รับลูกแต่
                  ไม่เอาแม่ เพราะจะไม่เป็นธรรมต่อสตรี ทรงสรุปว่า “ควรให้มีเมียได้หลายคน ซึ่งตรงกับ

                  ความจริงและจะเป็นเช่นนั้นไปอีกนาน” ในที่สุดได้ประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ และกำหนดให้มี
                  ผลบังคับใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2473 แต่ครั้นถึงเวลานั้น ได้โปรดเกล้าฯให้รอการประกาศใช้
                  ไปจนถึงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2475 เพราะภาวะเศรษฐกิจผืดเคือง การจดทะเบียนตามพระราช

                  บัญญัติจะเป็นการทำให้เกิดรายจ่ายใหม่ขึ้น เห็นได้จากกรณีนี้ว่า ทรงมี “ความรู้จักพอดี”
                  ในหลายๆ ด้าน โดยพระองค์เองทรงเป็นแบบอย่าง ในพระราชจริยวัตรของความนิยมในระบบ

                  เมียเดียว (สุวดี 2537 : 26 -28)

                       รวมความได้ว่า ในพระสถานภาพ “ลูกคนเล็กและน้องคนเล็ก” องค์สุโขทัยธรรมราชา

                  ทรงได้รับความเอ็นดูทั้งจากทูลกระหม่อมพ่อและสมเด็จแม่และพระเชษฐภคินีของพระองค์
                  บังเกิดเป็นความเกรงพระ (ราช) หฤทัย และการถือเป็นแบบอย่างอยู่ไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกัน

                  พระสถานภาพนั้นได้เปิดพื้นที่โอกาสให้ได้ทรงเป็นพระองค์เองได้ตามสมควร จึงทรงสามารถ
                  ศึกษาหาความรู้ตามความสนพระหฤทัยได้โดยไม่ต้องทรงรู้สึกว่าจะต้องทรงรับกรณียกิจหน้าที่ใด
                  เป็นการเฉพาะ และปรากฏว่าทรงพระองค์ได้ดีตามธรรมเนียมของประเทศอังกฤษและได้ทรงได้

                  รับการหล่อหลอมและทรงหล่อหลอมพระองค์เองเป็นคนที่สมบูรณ์ก่อนอื่นใด ประกอบด้วยความรู้
                  ทักษะหลายด้านซึ่งทรงพระปัญญาสามารถเข้าพระหฤทัยในแก่นสาระที่ได้ทรงนำมาใช้ทรงปฏิบัติ

                  ตามสถานการณ์ ครั้นเมื่อได้ทรงพระสิกขาบท ศึกษาพระพุทธธรรมตลอดจนทรงปฎิบัติตาม
        เอกสารประกอบการอภิปราย   พระคุณธรรมประจำพระหฤทัย ดังที่ได้อัญเชิญมาแสดงให้เห็นไว้เป็นสังเขปแล้วนี้
                  พระธรรมวินัย ก็ได้ทรงเจริญพระสติปัญญา ศีลปฏิบัติ หยั่งซึ้งซึ่งธรรมชาติของมนุษย์ เป็น
   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91   92