Page 95 - kpi19900
P. 95
โครงการศึกษาวิจัยวิเคราะห์ร่างพระราชบัญญัติเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
เช่น ผู้สมัครนายกท้องถิ่นถูกร้องเรียน และ กกต. ไม่ประกาศผลแต่ว่าภายหลังได้สู้กันในชั้นศาล อุทธรณ์กันไป
มา แม้จะพบว่าข้อทุจริตนั้นไม่เป็นความจริง แต่เมื่อ กกต. ระงับผลไปแล้วและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก็ถือว่า
การเลือกตั้งใหม่ที่ กกต. จัดขึ้นก็มีผล อันนี้ยังสับสนกันอยู่ว่า นึกภาพว่าสมัครเป็นนายก ถูกร้องเรียน กกต.เห็น
ว่าน่าจะมีกระบวนการหาเสียงไม่สุจริต กกต. ระงับและประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ คนอื่นชนะไป แล้วเผอิญ
สู้ชนะในชั้นศาล ค าถามคือ ไม่มีค าอธิบายต่อว่าแล้วคนที่ไม่ได้ผิดแล้วจะอย่างไรต่อไป หรือมีการเยียวยาอะไร
หรือไม่ ส าหรับผู้สมัครที่ไม่ได้พบว่าทุจริต
หมวดที่ 2 เขตเลือกตั้ง การก าหนดเขต การก าหนดหน่วย การก าหนดจุดเลือกตั้ง ในภาพรวมมีการ
ปรับเปลี่ยนเล็กน้อย คือ การท าให้เขตเลือกตั้งมีการครอบคลุมจ านวนประชากรที่สูงกว่าเดิม ก็คือในเขต เช่น
ใน กทม. แต่เดิมนั้นเขตละ 100,000 คน เพิ่มเป็น 150,000 คน ยกเว้นว่าเขตใดที่มีผู้สมัครที่มีจ านวน
ประชากรมากให้แบ่งเขตเท่ากัน ส่วนอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีสาระส าคัญอะไร ส่วนหน่วยเลือกตั้งใช้เกณฑ์ประชากร
1,000 คน จากเดิมใช้เกณฑ์ประชากร 800 คน เป็นต้น เป็นการปรับเปลี่ยนคือการท าให้หน่วยให้เขตมีขนาด
ใหญ่ขึ้นในแง่ของการครอบคลุมจ านวนประชากรที่มากกว่าเดิม
หมวดที่ 3 เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง เจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง มีความ
คล้ายคลึงกับเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนน้อย คือ ก าหนดไว้เลยว่าให้หัวหน้าพนักงานท้องถิ่นเป็น ผอ.เลือกตั้ง
โดยต าแหน่ง และขณะเดียวกันสามารถแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งได้ไม่น้อยกว่า 5 คน รวมถึงมี
องค์ประกอบอื่น ๆ คุณสมบัติของคนที่จะเป็นผู้อ านวยการการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยภาพรวมก็มี
รายละเอียดกว่าเดิมมากขึ้น แต่ว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงสาระส าคัญอะไร
มาตรา 28 กับมาตรา 29 โดยภาพรวมเป็นการก าหนดองค์ประกอบรวมถึงกรรมการในการจัดการ
เลือกตั้ง แต่เรื่องที่น่าสนใจคือ มาตรา 35 การเพิ่มบทบาทผู้ตรวจการเลือกตั้งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
อาญา แต่เดิมคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นจะมีองค์ประกอบอย่างผู้อ านวยการการเลือกตั้ง รวมถึง
องค์ประกอบอื่น ๆ ที่อยู่ในกรรมการ โดยกฎหมายเดิมและร่างกฎหมายใหม่ เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
อาญาในการก ากับการเลือกตั้งอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีการเพิ่มเติมต าแหน่งใหม่ เป็นการ
เพิ่มเติมตามกรอบกฎหมายใหญ่ นั่นก็คือ ผู้ตรวจการเลือกตั้ง จะมีเพิ่มเข้ามาอีกต าแหน่งหนึ่ง
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะกระทบกับการเลือกตั้งพอสมควรในแง่ของการท าให้ผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง
มีจ านวนมากขึ้น ครั้งนี้ก็คือการบังคับหรืออาจจะเรียกกึ่งบังคับให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนจะต้องมาใช้สิทธิ แต่
หากไม่ใช้สิทธิก็จะท าให้เกิดการเสียสิทธิในทางการเมืองขึ้น คือไม่ได้มีบทลงโทษ แต่จะเสียสิทธิในการไปลง
สมัครรับเลือกตั้งเป็นก านัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ สิทธิในการเสนอชื่อกฎหมาย
หรือถอดถอนต่าง ๆ ฉะนั้น ในภาพรวมมีก าหนดในมาตรา 40-41-42 ถึงกระบวนการต่าง ๆ ของผู้มีสิทธิออก
เสียงเลือกตั้งที่จะต้องไปใช้สิทธิ หรือถ้าไม่ไปใช้สิทธิต้องมีการชี้แจงต่อเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยังไม่ได้ระบุ
ว่าเป็นใคร เพียงแต่ให้เป็นเจ้าพนักงานที่ก าหนด แต่ถ้าเจ้าพนักงานเห็นว่าเหตุผลในการไม่สามารถมาใช้สิทธิได้
ไม่มีเหตุผลเพียงพอก็จะเกิดการตัดสิทธิขึ้น ในมุมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งค าว่า “ไม่มีเหตุผลเพียงพอ” นั้น จะมี
บรรทัดฐานหรือข้อก าหนดอะไร อย่างไร เข้าใจว่า กกต. อาจจะมีการวางมาตรฐานขึ้น แต่ก็กังวลในการใช้
- 83 -