Page 17 - kpi20686
P. 17

ห น้ า  | 7


                                      - กรรมการป.ป.ช.
                                      รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช 2540) บัญญัติให้น าวิธีการสรร
                       หาและการเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมาใช้บังคับโดยอนุโลม (มาตรา 297 ประกอบมาตรา 257
                       ของรัฐธรรมนูญฯ) โดยคณะกรรมการสรรหาประกอบด้วยกรรมการ จ านวน 13 คน เป็นตุลาการ

                       จ านวนหนึ่งคน ข้าราชการมหาวิทยาลัย จ านวน 8 คน และผู้แทนพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็น
                       สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ านวน 4 คน ท าหน้าที่สรรหาบุคคลที่สมควรเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
                       เป็นจ านวนสองเท่าของแต่ละประเภท เพื่อเสนอให้วุฒิสภาเลือกต่อไปประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามรับ
                       สนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง

                                      - คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
                                      มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน
                       พ.ศ. 2542 บัญญัติให้ประธานวุฒิสภาเป็นผู้จัดให้มีคณะกรรมการสรรหา จ านวน 15 คน เป็นฝ่าย
                       ตุลาการ จ านวน 3 คน ข้าราชการมหาวิทยาลัย จ านวน 7 คน และผู้แทนพรรคการเมืองที่มีสมาชิก

                       เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ านวน 5 คน ท าหน้าที่สรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นจ านวนสองเท่า
                       ของแต่ละประเภทเสนอให้วุฒิสภาเพื่อมีมติเลือกและประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรม
                       ราชโองการแต่งตั้ง

                                      ส าหรับผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินนั้นคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินจะเป็นผู้เป็น
                       สรรหาและเสนอรายชื่อให้วุฒิสภาพิจารณาเห็นชอบ (มาตรา 30 และมาตรา 31)
                                      เมื่อพิจารณาบทบัญญัติเกี่ยวกับการสรรหาและการเลือกกรรมการในองค์กร
                       อิสระทั้งห้าองค์กรแล้วนั้นจะเห็นว่ามีการให้สัดส่วนแก่ฝ่ายสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้แทนปวงชนชาว
                       ไทยน้อยกว่าฝ่ายอื่น ๆ เว้นแต่ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาและอ านาจที่ส าคัญอีกอ านาจหนึ่งตาม

                       รัฐธรรมนูญที่มิได้ปรากฏให้เห็นในการเลือกกรรมการในองค์กรอิสระแต่ประการใด คือ อ านาจบริหาร
                                      การสรรหาและการเลือกกรรมการในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่ง
                       ราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช 2540) มีแนวความคิดเกี่ยวกับที่มาของกรรมการในองค์กรอิสระ

                       แตกต่างไปจากของต่างประเทศ ที่มีการเชื่อมโยงองค์กรอิสระกับฝ่ายบริหาร เพราะถือว่าองค์กรอิสระ
                       เป็นองค์กรฝ่ายบริหาร แต่มีการด าเนินการที่เป็นอิสระ ซึ่งแนวความคิดเช่นนี้ยังท าให้สามารถตอบ
                       ค าถามเกี่ยวกับหลักการแบ่งแยกอ านาจทั้งสามได้อยู่ ท าให้องค์กรอิสระในต่างประเทศเป็นองค์กร
                       หนึ่งที่อยู่อย่างสอดคล้องกับอ านาจตุลาการ อ านาจบริหาร และอ านาจนิติบัญญัติภายใต้ทฤษฎีการ

                       แบ่งแยกอ านาจอธิปไตย
                                    1.1.2 ความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่
                                      (ก) การด ารงต าแหน่ง
                                      หลักประกันความเป็นอิสระขององค์กรอิสระอีกประการหนึ่ง คือ การด ารง

                       ต าแหน่งของกรรมการตามวาระที่กฎหมายก าหนดและการให้พ้นจากต าแหน่งต้องกระท าตามเหตุที่
                       กฎหมายบัญญัติ โดยการบัญญัติกฎหมายที่ก าหนดเหตุให้กรรมการในองค์กรอิสระพ้นจากต าแหน่งนี้
                       จะต้องชัดเจนและแน่นอน มิใช่ก าหนดให้เป็นดุลพินิจอย่างกว้างขวางแก่ผู้มีอ านาจถอดถอน ซึ่งจะท า
                       ให้ความเป็นอิสระของกรรมการลดน้อยลง เช่น เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามหรือขาดคุณสมบัติร ่ารวย

                       ผิดปกติจงใจใช้อ านาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย (มาตรา 141 ของ
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22