Page 84 - kpi20756
P. 84

8       การประชุมวิชาการ
                    สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21
            ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย






























                             ภาครัฐกับภาคธุรกิจมีเครื่องมือเชิงสถาบันมากมาย เช่น กฎหมาย กองก้าลังติดอาวุธ สถาบันการศึกษา
                           ภาครัฐกับภาคธุรกิจมีเครื่องมือเชิงสถาบันมากมาย เช่น กฎหมาย กองกำลัง
                             สถาบันทางการเงิน เครื่องมือในการสื่อสาร แต่ภาคประชาชนหรือภาคสังคม ซึ่งเป็นภาคส้าคัญที่สุด เพราะคือ
                     ติดอาวุธ สถาบันการศึกษา สถาบันทางการเงิน เครื่องมือในการสื่อสาร แต่ภาคประชาชน
                             ส่วนที่จะเกิดประโยชน์สุขหรือไม่ กลับอ่อนแอและไม่มีเครื่องมือเชิงสถาบันเลย ก็เหมือนกับกฎทางฟิสิกส์ส่วน
                     หรือภาคสังคม ซึ่งเป็นภาคสำคัญที่สุด เพราะคือส่วนที่จะเกิดประโยชน์สุขหรือไม่
                             ที่มีมวลอ้านาจมากคือภาครัฐและภาคทุน ก็จะดึงทรัพยากรต่างๆ เข้าหาตัว ภาพสังคมที่มีอ้านาจน้อยก็ไม่
                     กลับอ่อนแอและไม่มีเครื่องมือเชิงสถาบันเลย ก็เหมือนกับกฎทางฟิสิกส์ส่วนที่มีมวลอำนาจ
                             สามารถมีส่วนในทรัพยากรส่วนรวมได้อย่างเป็นธรรม อ้านาจดึงดูดของโครงสร้างนี้แรงมาก เกินกว่าที่กรรม
                     มากคือภาครัฐและภาคทุน ก็จะดึงทรัพยากรต่างๆ เข้าหาตัว ภาคสังคมที่มีอำนาจน้อย
                             ส่วนบุคคลจะต้านได้ ในระบบรัฐกับระบบทุนก็ใช่ว่าจะไม่มีคนที่มีจิตใจดีและรักความเป็นธรรม แต่พลังส่วน
                             บุคคลเทียบไม่ได้เลยกับแรงดึงดูดของโครงสร้างอ้านาจ
                     ก็ไม่สามารถมีส่วนในทรัพยากรส่วนรวมได้อย่างเป็นธรรม อำนาจดึงดูดของโครงสร้างนี้

                       ภาครัฐกับภาคธุรกิจมีเครื่องมือเชิงสถาบันมากมาย เช่น กฎหมาย กองก้าลังติดอาวุธ สถาบันการศึกษา
                                   ถ้าเชื่อตามทฤษฎีแรงดึงดูดทรัพยากรของโครงสร้างอ้านาจที่เหลื่อมล้้า ก็จะเห็นชัดเจนว่าหลักการของ

                     แรงมาก เกินกว่าที่กรรมส่วนบุคคลจะต้านได้ ในระบบรัฐกับระบบทุนก็ใช่ว่าจะไม่มีคนที่มี
                       สถาบันทางการเงิน เครื่องมือในการสื่อสาร แต่ภาคประชาชนหรือภาคสังคม ซึ่งเป็นภาคส้าคัญที่สุด เพราะคือ
                             การลดความเหลื่อมล้้า คือส่งเสริมเพิ่มอ้านาจทางสังคมให้เสมอกัน ดังภาพ เป็นสังคมสมานุภาพ หมายถึง
                     จิตใจดีและรักความเป็นธรรม แต่พลังส่วนบุคคลเทียบไม่ได้เลยกับแรงดึงดูดของโครงสร้าง
                       ส่วนที่จะเกิดประโยชน์สุขหรือไม่ กลับอ่อนแอและไม่มีเครื่องมือเชิงสถาบันเลย ก็เหมือนกับกฎทางฟิสิกส์ส่วน
                             สังคมที่มีอานุภาพหรืออ้านาจเท่ากัน หรือจะให้ดียิ่งขึ้นคือสมานกัน หมายถึงอ้านาจรัฐ อ้านาจเงิน และอ้านาจ
                     อำนาจ   สังคมสมานกัน
                       ที่มีมวลอ้านาจมากคือภาครัฐและภาคทุน ก็จะดึงทรัพยากรต่างๆ เข้าหาตัว ภาพสังคมที่มีอ้านาจน้อยก็ไม่
                       สามารถมีส่วนในทรัพยากรส่วนรวมได้อย่างเป็นธรรม อ้านาจดึงดูดของโครงสร้างนี้แรงมาก เกินกว่าที่กรรม
                           ถ้าเชื่อตามทฤษฎีแรงดึงดูดทรัพยากรของโครงสร้างอำนาจที่เหลื่อมล้ำ ก็จะเห็น
                       ส่วนบุคคลจะต้านได้ ในระบบรัฐกับระบบทุนก็ใช่ว่าจะไม่มีคนที่มีจิตใจดีและรักความเป็นธรรม แต่พลังส่วน


                       บุคคลเทียบไม่ได้เลยกับแรงดึงดูดของโครงสร้างอ้านาจ
                     ชัดเจนว่าหลักการของการลดความเหลื่อมล้ำ คือส่งเสริมเพิ่มอำนาจทางสังคมให้เสมอกัน
                             ถ้าเชื่อตามทฤษฎีแรงดึงดูดทรัพยากรของโครงสร้างอ้านาจที่เหลื่อมล้้า ก็จะเห็นชัดเจนว่าหลักการของ

                     ดังภาพ เป็นสังคมสมานุภาพ หมายถึงสังคมที่มีอานุภาพหรืออำนาจเท่ากัน หรือจะให้ดียิ่ง
                       การลดความเหลื่อมล้้า คือส่งเสริมเพิ่มอ้านาจทางสังคมให้เสมอกัน ดังภาพ เป็นสังคมสมานุภาพ หมายถึง
                     ขึ้นคือสมานกัน หมายถึงอำนาจรัฐ อำนาจเงิน และอำนาจสังคมสมานกัน
                       สังคมที่มีอานุภาพหรืออ้านาจเท่ากัน หรือจะให้ดียิ่งขึ้นคือสมานกัน หมายถึงอ้านาจรัฐ อ้านาจเงิน และอ้านาจ
                       สังคมสมานกัน

         เอกสารประกอบการปาฐกถาพิเศษ                                         =












                                                                      =
   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89