Page 28 - kpi20858
P. 28

15






                              2.1.1.1  ศิลปะตำมหลักวิชำ

                              ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ถือเป็นช่วงรอยต่อหนึ่งที่ส าคัญ เป็นเวลา

                       ที่ศิลปะตามขนบนิยมแบบดั้งเดิมของไทยได้ปรับผสาน  รับเอาแนวทางศิลปะจากชาติตะวันตกมา
                       แสดงออก  จนก่อให้เกิดรูปแบบใหม่  ทั้งศิลปกรรมไทยแนวตะวันตก  และศิลปกรรมแบบตะวันตก

                       โดยที่แนวทางดังกล่าวมุ่งเน้นแสดงความเหมือนจริง เกี่ยวพันกับการสร้างสรรค์ศิลปะตามหลักวิชา

                       แต่ความเหมือนจริงดังกล่าวหาใช่เหมือนจริงดังที่ปรากฏ หรือดังที่ตาเห็น ทว่ากลับผสานแทรกเอา

                       แนวคิดแบบอุดมคติ ซึ่งมีความถึงพร้อมด้วยความงามอันสมบูรณ์แบบเข้าไว้ด้วยกัน

                              “ศิลปะตามหลักวิชา” (Academic Art) หมายถึง งานศิลปกรรมที่สร้างขึ้นตามทฤษฎี โดย

                       มีมาตรฐานและหลักเกณฑ์ตามหลักวิชาที่สถาบันหรือสกุลศิลปะนั้นๆ  ได้ก าหนดว่าดีงาม  ถูกต้อง

                                                                11
                       เป็นที่นิยมและได้ถือเป็นหลักปฏิบัติสืบทอดกันมา   จากค ากล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นว่าการนิยาม
                       ความหมายของค าว่า “ศิลปะตามหลักวิชา” ดังกล่าว คือความพยายามในการอธิบายแนวทางของ

                       การแสดงออกทางศิลปะที่มีความเกี่ยวพันกับปัจจัยด้านค่านิยมที่ถูกก าหนดโดยกลุ่มคน หรือสถาบัน

                       ในการวางกรอบเกณฑ์ของแนวความคิดและรูปแบบในการแสดงออกของช่างหรือศิลปิน  ดังนั้น

                       ศิลปะตามหลักวิชาจึงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความนิยมแห่งยุคสมัย

                              กระแสความนิยมผลงานศิลปะตามหลักวิชาอย่างตะวันตกในประเทศไทยนั้น  ชัดเจนขึ้น

                       ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ที่ทรงพอพระทัยศิลปะที่เน้นความเหมือนจริง

                       ตามแนวทางของการแสดงออกแบบศิลปะตามหลักวิชา  สังเกตได้จากการการซื้องานศิลปะของ

                       ศิลปินชาวอิตาเลียนมากที่สุด  ส่วนผลงานจากศิลปินชาวฝรั่งเศสโดยมากก็ยังนิยมศิลปะตามหลัก
                          12
                       วิชา  อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการว่าจ้างประติ
                       มากรชาวอิตาเลียน คือ ศาสตราจารย์ คอร์ราโด เฟโรจี หรือศาสตราจารย์ศิลป์  พีระศรี เข้ามารับ

                       ราชการต าแหน่งช่างปั้นของกรมศิลปากร  ในปี  พ.ศ.2466  เป็นผู้สร้างสรรค์อนุสาวรีย์ส าคัญใน

                       ประเทศไทย โดยมีแนวทางในการสร้างผลงานแบบเหมือนจริง สอดรับกับความต้องการของสถาบัน
                       กษัตริย์ซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์  นอกจากนี้ต่อมาศาสตราจารย์ศิลป์   พีระศรี  ยังได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทาง

                       ศิลปะของกรมศิลปากรก่อตั้งโรงเรียนประณีตศิลปกรรมขึ้นในปี พ.ศ.2477 เพื่อผลิตบุคลากรผู้เชี่ยว

                       ชาญชาวไทย  สืบสานต่อยอดงานศิลปะด้านต่างๆ  ของกรมศิลปากร  จนเกิดเป็นแนวทางใหม่ที่

                       แตกต่างไปจากแนวไทยประเพณีดั้งเดิมโดยสิ้นเชิง  กล่าวได้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ


                           11  ราชบัณฑิตยสถาน, พจนำนุกรมศัพท์ศิลปะ อังกฤษ-ไทย,พิมพ์ครั้งที่ 2 (กรุเทพ: โรงพิมพ์คุรุสภา, 2541), 3.
                           12  สุธี คุณาวิชยานนท์, จำกสยำมเก่ำสู่ไทยใหม่: ว่ำด้วยควำมพลิกผันของศิลปะจำกประเพณีสู่สมัยใหม่และร่วม
                       สมัย (กรุงเทพฯ: หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2545), 24.
   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33