Page 30 - kpi21595
P. 30
คิด แสดงความเห็นในพื้นที่สาธารณะมากขึ้น โดยใช้กระบวนการสานเสวนา (dialogue) จึงอาจเป็นหนทาง
8
หนึ่งในการสร้างพลเมืองที่มีความกระตือรือร้นและเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการประชาธิปไตยได้มากขึ้น
จึงกล่าวได้ว่า การขัดเกลาทางการเมืองที่สำคัญคือการเปิดโอกาสให้สมาชิกในสังคมได้มีโอกาสได้เข้า
มามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นพร้อมๆกับที่ความคิดเห็นที่พวกเขาแสดงออกนั้นต้องได้รับการตอบสนองอย่าง
เหมาะสม เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้น อันจะกระทบต่อการตระหนักถึงศักยภาพของพวกเขาในการมีส่วน
ร่วมทางการเมือง และสร้างทัศนคติทางการเมืองที่ดีให้เกิดขึ้นได้ว่าการเมืองเป็นเรื่องของการพัฒนาไม่ใช่เรื่อง
ของการแก่งแย่งแข่งขันกันเพื่ออำนาจ
อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ตรงของผู้วิจัยพบว่าการลงพื้นที่เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมือง
กับประชาชนในช่วงเริ่มแรก โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทนั้น เป็นเรื่องที่ยากพอสมควรที่จะได้รับความคิดเห็นจาก
พวกเขา อย่างไรก็ตาม การเปิดเวทีเพื่อสร้างบรรยากาศการมีส่วนร่วมก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะกลายเป็น
กระบวนการขัดเกลาความคิดและทัศนคติทางการเมืองที่พวกเขาจะมีต่อตนเองและมีต่อระบบการเมืองต่อไป
ดังนั้น การอดทนรับฟังความเห็นของพวกเขาโดยไม่ครอบงำในช่วงแรกๆจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อนำไปสู่
การมีส่วนร่วมทางการเมืองในระดับที่สูงขึ้น เพราะการมีส่วนร่วมทางการเมืองนั้นไม่จำเป็นต้องมีเพียงการ
เลือกตั้งหรือการเดินขวนเพียงอย่างเดียว ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ และ ดร.ถวิลวดี บุรีกุล ระบุถึงระดับการมี
ส่วนร่วมของพลเมืองไว้หลากลาย นับตั้งระดับที่ง่ายที่สุด คือการรับข้อมูล การให้ข้อมูลแก่หน่วยงานภาครัฐ
และยกระดับการมีส่วนร่วมขึ้นไปสู่การปรึกษาหารือ การวางแผนร่วมกัน การลงมือปฏิบัติ และการควบคุม
9
องค์กรทางการเมืองโดยประชาชน จากข้างต้นอาจสรุปกระบวนการของประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมได้ 4
ระดับ คือ 1) การมีส่วนร่วมในคิดริเริ่มและวางแผนโครงการ 2) การมีส่วนร่วมในการปฏิบัติ / ดำเนินการ
หรือการเข้าร่วมกิจกรรม 3) การมีส่วนร่วมในการจัดสรรผลประโยชน์ 4) มีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผล
จากแนวคิดทฤษฎีเรื่องการส่งเสริมการศึกษาและสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อสร้างสำนึกความเป็น
พลเมืองในการมีส่วนร่วมทางการเมืองข้างต้น สถาบันพระปกเกล้า จึงได้พัฒนาแนวทางการส่งเสริมความเป็น
พลเมืองในพื้นที่เป้าหมาย โดยเริ่มต้นจากการส่งเสริมการศึกษา ประกอบกับการส่งเสริมให้เกิดปฏิบัติการ
ระดับพื้นที่ เพื่อสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมือง อันมีลักษณะสอดคล้องกับ
การขัดเกลาทางการเมืองในรูปแบบหนึ่ง โดยสถาบันพระปกเกล้าแบ่งการส่งเสริมความเป็นพลเมืองเป็น 2
ระยะ ระยะแรก เป็นการอบรมเพื่อสร้างแกนนำพลเมืองโดยสำนักส่งเสริมการเมืองภาคพลเมือง สถาบัน
พระปกเกล้า จากนั้น ระยะที่สอง เป็นการขยายผลการสร้างความเป็นพลเมืองโดยแกนนำพลเมืองที่สถาบัน
พระปกเกล้า โดยสำนักส่งเสริมการเมืองภาคพลเมืองได้สร้างในขึ้นในระยะแรก เพื่อให้สอดคล้องกับทฤษฎีการ
เรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ โดยในระยะนี้ สถาบันพระปกเกล้าจะทำหน้าที่เป็นเพียงพี่เลี้ยงคอยสนับสนุนด้าน
องค์ความรู้และงบประมาณบางส่วนให้แก่แกนนำพลเมืองเท่านั้น โดยคาดหวังว่าปฏิบัติการของแกนนำ
พลเมืองในระดับพื้นที่จะสามารถเผยแผ่ความรู้สู่คนในชุมชนผ่านการลงมือปฏิบัติได้อย่างต่อเนื่อง กระทั่ง
8 เดวิด แมทธิวส์. การเมืองเพื่อประชาชน. กรุงเทพฯ: สถาบันการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคม, 2552.
9 บวรศักดิ์ อุวรรณโณ และ ถวิลวดี บุรีกุล. ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม. (พิมพ์ครั้งที่ 4) กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า, 2554.
20