Page 186 - 22373_Fulltext
P. 186
เด็กก็ยิ่งไม่สามารถอ่านเขียนได้ เมื่อจบการศึกษาออกมาก็จะกลับมาอยู่ในหมู่บ้าน รวมกลุ่มกัน กลายเป็น
ปัญหาต่อชุมชน “บางคนไปแว๊น”
6) ปัญหาเด็กในโรงเรียนบ้านเขาตูม อบจ.ได้น้าเสนอข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนบ้านเขาตูม โดยได้มี
การส้ารวจข้อมูลความเหลื่อมล้้าเป็นครั้งแรก แม้จะมีข้อมูลเดิมของโรงเรียนที่ฝ่ายแนะแนวบ้างแล้ว เรื่องเด็ก
ยากจน แต่มีหลายประเด็นที่ อบจ.ได้หาข้อมูลเพิ่ม โดยในส่วนของโรงเรียนวัดเขาตูมดูแลในพื้นที่ 3 หมู่บ้าน
หมู่ 1 หมู่ 2 และหมู่ 7 จากการสอบถามกับอาสาสมัครต่าง ๆ ซึ่งเป็นเครือข่ายในพื้นที่ได้ให้ข้อมูล อาทิ
จาก อสม. จากบัณฑิตอาสาซึ่งทุกหมู่บ้านจะ 1 คน และเป็นผู้น้าชุมชนของ อบจ. ซึ่งผลการส้ารวจดังกล่าว
พบว่า ในพื้นที่บริการของโรงเรียนบ้านเขาตูมมีเด็กอายุ 2-5 ปี จ้านวน 381 คน ใน 381 คน ได้ข้อมูลมาจาก
ฐานข้อมูล เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลในสามพื้นที่บริการทั้งสามหมู่บ้านจากข้อมูลของ อบจ. อสม. บัณฑิตอาสา ผู้น้า
ชุมชน ฯลฯ พบว่า เด็กในกลุ่มนี้ จะมีเด็ก 24 คน ที่ไม่ได้รับการศึกษา โดยมีปัญหาคล้ายคลึงกันคือ ส่วนใหญ่
ผู้ปกครองไม่สามารถดูแลบุตรได้ เนื่องจากต้องไปท้างาน ส่วนใหญ่ไปท้างานรับจ้างกรีดยาง หากกรีดยาง
ต้องไปแต่เช้า ท้าให้ต้องฝากบุตรไว้กับคนอื่น ๆ บางทีก็เป็นเด็กที่เป็นพี่ที่ต้องช่วยเลี้ยงน้อง หรือฝากกับยาย
ท้าให้เด็กขาดการดูแลเอาใจใส่ ผนวกกับผู้ปกครองเองไม่ได้มีฐานการศึกษาเดิม ท้าให้ไม่เห็นความส้าคัญ
เมื่อรายได้ไม่ได้มากพอจึงท้าให้เด็กไม่ได้รับการศึกษา ดังนั้นปัญหาจึงเกิดจากองค์ประกอบหลายอย่าง
นอกจากนี้ปัญหาส้าคัญที่พบได้แก่ ปัญหาหย่าร้าง ท้าให้บุตรต้องอยู่กับยาย กับย่า บางคนอยู่กับตาท้าให้ต้อง
ติดตามตาไปด้วย “ตาไปไหนก็ไป” ท้าให้ไม่ได้รับการศึกษา จากปัญหาดังกล่าว ท้าให้เด็กมีพฤติกรรมไม่สมวัย
การวิจัยขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นกลไกลดความเหลื่อมล ้าทางด้านการศึกษา
อาทิ การพูดจา การใช้ภาษา ไม่มีพัฒนาการ ด้วยไม่ได้รับการฝึกฝนที่โรงเรียน ขณะเดียวกันผู้ปกครองเอง
ก็ไม่ได้ส่งเสริมเพราะผู้ปกครองเองไม่ได้มีฐานการศึกษา
7) ปัญหาของเด็กและเยาวชนในพื้นที่โรงเรียนบ้านเขาตูม
7.1) เด็กอายุ 2-5 ปี จากการส้ารวจยังพบว่า ในส่วนของโรงเรียนบ้านเขาตูมมีเด็กนักเรียน
ขาดแคลนจ้านวน 99 คน เนื่องจากมีสองโรงเรียนนักเรียน 49 คน อยู่ในโรงเรียนบ้านเขาตูม และอีก 50 คน
อยู่ในโรงเรียนปัญญาธรรมอนุสรณ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง โดยมีสภาพปัญหาคล้าย ๆ กัน
คือ เด็กนักเรียนอยู่กับยาย ผู้ปกครองขาดการศึกษา ยากจน ต้องออกไปท้างาน ท้าให้ไม่สามารถส่งลูกเรียนได้
จากทั้งหมด 381 คน มี 24 คน ที่ไม่ได้รับการศึกษา 99 คนมีการศึกษาแล้วแต่ขาดแคลน และจะมี 66 คนที่
เพิ่งย้ายเข้ามา โดยทะเบียนบ้านไม่ได้อยู่ที่นี่ ท้าให้การส้ารวจตกหล่น ไม่อาจระบุชัดเจนได้ เช่น ชื่ออยู่ที่เบตง
แต่มาเรียนที่นี่ ซึ่ง อบจ.ได้ประสานผู้ปกครองย้ายสิทธิ์ กลุ่มนี้จะมีประมาณ 66 คน
7.2) เด็กอายุ 6-15 ปี มีจ้านวน 952 คน ในปี 2564 มีเด็กที่ไม่ได้เรียน 14 คน เพื่อให้เด็ก
มีโอกาสในการเรียนมากขึ้น จากการสอบถามผู้น้าชุมชนพบว่า แม้ในปัจจุบันโรงเรียนจะเรียนฟรี มีการบริการ
ต่าง ๆ เช่น หนังสือ แต่ส่วนใหญ่ยังมีปัญหาเนื่องจากผู้ปกครองไม่ได้เห็นความส้าคัญของการเรียน ฐานการ
ศึกษาของพ่อแม่ไม่ดี ตัวเด็กเองขี้เกียจ ตามเพื่อน เมื่อเพื่อนไม่เรียนก็ไม่เรียน ขาดเรียน เมื่อขาดเรียนหลายวัน
ท้าให้ตามเพื่อนไม่ทัน หลังจากนั้นก็ไม่เรียน ลาออกไป เป็นเด็กช่วงที่เริ่มมีความคิดบ้างแล้ว อาทิ ป.1-ป.3
เริ่มไม่เชื่อฟังผู้ปกครอง เด็กที่ไม่ได้เรียน อยู่กับยาย พอยายพูดแล้วไม่ฟัง ก็ไม่ได้มีพ่อแม่ดูแล เมื่อไม่ฟังยาย
ก็ปล่อย เด็กจะไม่ได้เรียนจะไปกับเพื่อน ดังนั้นสาเหตุหลักจึงมาจากขาดการดูแลจากผู้ปกครองอย่างที่ควร
162 วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า
