Page 187 - 22373_Fulltext
P. 187
แม้จะมียายดูแลแต่การดูแลเอาใจใส่จะแตกต่างจากพ่อแม่ ท้าให้เกิดปัญหาขึ้น จากเด็ก 952 คน มีถึง 114 คน
ที่ไม่ได้เรียนหนังสือ และ 151 คนที่ขาดแคลน แบ่งเป็นโรงเรียนบ้านเขาตูม 91 คน ที่ขาดแคลน ยากจน ก้าพร้า
และส่วนของโรงเรียนเอกชน 60 คน เป็นเด็กที่อยู่ในการศึกษาแต่มีปัญหาผู้ปกครองอาจจะมีลูกมาก มีบุตร
หลานมาก ดูแลไม่ทั่วถึง รายได้ไม่เพียงพอ ผู้ปกครองหย่าร้าง ท้าให้เกิดความเหลื่อมล้้าระหว่างนักเรียน อาทิ
เพื่อนมีเสื้อใหม่ ตัวเองใช้ตัวเดียว เพื่อนมี 3-4 ตัว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีความแตกต่าง ขาดการดูแลอย่าง
เต็มที่ ยากจนอยู่กับยาย แม่คนเดียว หย่าร้าง ท้าให้ได้รับการดูแลไม่เต็มที่
7.3) เด็กที่มีอายุ 16-18 ปี ส้าหรับเด็กกลุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 16-18 ปี ซึ่ง อบจ. เก็บข้อมูลมา
จากพื้นที่และการสอบถามผู้น้าชุมชน พบว่า มีเด็กทั้งหมด 281 คน มี 29 คนที่ไม่ได้รับการศึกษา โดยปัญหา
หลักคือติดเพื่อน ท้าให้เมื่อเข้ามาเรียนใหม่ต้องเรียนในระดับชั้นที่ต่้ากว่า ท้าให้เกิดความอายจนไม่มาเรียน
เช่น เพื่อนอยู่ ม.5 ตนเองอยู่ ป.6 ท้าให้ไม่กล้าเรียน ไม่อยากเรียน เข้ากับเพื่อนที่ไม่เรียน มีบางส่วนที่ กศน.
พยายามดึงให้มาเรียน แต่ยังไม่ประสบความส้าเร็จ ด้วยเรียนไม่ทันเพื่อน ตัวเองขี้เกียจ ส่วนใหญ่เด็กจะอยู่
โรงเรียนเอกชน ท้าให้มีค่าใช้จ่ายในการเรียนสูง ท้าให้เกิดปัญหาเด็กไม่สามารถเรียนต่อได้ในช่วงนี้ รวมถึง
ปัญหาครอบครัวแตกแยก ฝากบุตรไว้กับตายาย กลุ่มนี้จะมีปัญหาการสูบบุหรี่ ยาเสพติด เริ่มมีการแข่งรถบน
ถนนชนบทที่ตัดเข้าไปมหาวิทยาลัย ด้วยไม่เห็นคุณค่าในการเรียน ไม่มีคนช่วยดูแล มีพัฒนา ความคิด ส่วนเด็ก
อีก 50 คนจะเป็นผู้ที่ขาดแคลน พ่อแม่ตกงาน ไม่มีงานท้า รายได้ไม่เพียงพอ มีบุตรมาก หย่าร้าง ด้วยการเรียน
ในระดับมัธยมศึกษาต้องใช้งบประมาณในการเรียนมากกว่าระดับอื่น ๆ ผู้ปกครองที่ไม่ได้เห็นความส้าคัญ และ
ฐานการศึกษาไม่ได้ ก็จะให้เด็กมาช่วยท้างาน ไปรับจ้างท้างาน ไม่ให้เรียน บางคนอาจจะกลับมาเรียน กศน.
ภายหลัง ปัญหาส้าคัญคือเด็กไม่ได้รับการศึกษา ผู้ปกครองสนับสนุนให้เด็กไปท้างาน หารายได้ ผู้ปกครองไม่ท้า
เด็กขาดแรงจูงใจ ผู้ปกครองจึงมีส่วนส้าคัญที่ท้าให้เด็กไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ จากข้อมูลเด็ก 281 คน จะมี 55
คน ที่ อบจ.ไม่ทราบข้อมูล ด้วยเพราะการย้ายที่อยู่
7.4) กลุ่มเด็กพิเศษมี 11 คน กระจายอยู่ในโรงเรียนบ้านเขาตูมและโรงเรียนปัญญาธรรม
อนุสรณ์ บางส่วนไม่ได้อยู่ในโรงเรียนแต่จะอยู่ในชุมชน บางส่วนเคยเรียนมาก่อนจากนอกพื้นที่ บางคนกลับมา
เรียนต่อ บางคนผู้ปกครองก้าลังจะไปส่งต่อ ความพิการคือ 3 คน ร่างกายพิการ เช่น มีเด็กคนหนึ่งที่เข้าเรียน
ตั้งแต่อนุบาลจะเป็นดักแด้ ร่างกายไม่สมส่วน สติปัญญาดีสามารถเรียนรู้ได้ คนหนึ่งไม่สมส่วน อายุ 12 ปี
แต่สามารถเรียนได้เข้าใจ ในโรงเรียนปัญญาธรรมอนุสรณ์มี 4 คน สองคนพิการทางการมองเห็น อีกสองคน คือ
ภาษา ผู้ปกครองยังไม่ยอมรับจึงยังไม่ได้ท้าบัตรคนพิการ แต่ว่าอยู่ในรายชื่อของโรงเรียน ผู้ปกครองไม่ยอมรับ การวิจัยขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นกลไกลดความเหลื่อมล ้าทางด้านการศึกษา
ว่ามีปัญหา บางคนมีปัญหาด้านสติปัญญา เด็กเรียนไม่ทัน ช้า จึงไม่ได้รับการศึกษา มีจ้านวน 11 คน โรงเรียน
บ้านเขาตูม 3 คน ส่วนอีก 4 คนอยู่โรงเรียนเอกชน
8) ปัญหาของเด็กในพื้นที่โรงเรียนบ้านตะบิงตีงี โดยโรงเรียนครอบคลุมพื้นที่ 2 เขต ได้แก่ หมู่ 3
และหมู่ 4 โดยจะมีโรงเรียนสองโรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านตะบิงตีงี และโรงเรียนเอกชน โดยโรงเรียนบ้าน
ตะบิงตีงีมีชั้นอนุบาลถึงมัธยมต้น ส่วนโรงเรียนเอกชนมีตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมปลาย จากการส้ารวจ
พบปัญหาหลายอย่าง ได้แก่
8.1) เด็กอายุ 2-5 ปี ซึ่งมีเด็กทั้งหมด 228 คน มีเด็กที่ไม่ได้รับการศึกษา 62 คน ปัญหาเกิด
จากเป็นเด็กที่เกิดในประเทศมาเลเซียจากการย้ายถิ่นฐานของบิดามารดา อีกส่วนหนึ่งจะมีสภาพปัญหา
วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า 163