Page 11 - kpiebook62001
P. 11
รัฐบาลได้ก าหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมอีก 2 ประการได้แก่ (1) ผู้ลงทะเบียนมีเงินฝากในธนาคาร สลากออมสิน สลากธนาคาร
เพื่อการเกษตรและสหกรณ์ และพันธบัตรมีมูลค่ารวมกันไม่เกิน 100,000 บาท และ (2) หากเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวหรือ
ทาวน์เฮ้าส์จะต้องมีเนื้อที่ไม่เกิน 25 ตารางวา หรือห้องชุดไม่เกิน 35 ตารางเมตร หรือหากมีที่ดินเพื่อการเกษตรต้องไม่
เกิน 10 ไร่ และที่ดินที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรต้องไม่เกิน 1 ไร่ ผลการลงทะเบียนพบว่ามีผู้เข้าร่วมลงทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น
14.2 ล้านคน และเมื่อตรวจสอบคุณสมบัติแล้วพบว่าผ่านเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ 11.4 ล้านคน
สวัสดิการที่ให้กับผู้มาลงทะเบียนในรอบที่ 2 ปี พ.ศ. 2560 นั้นแตกต่างไปจากรอบแรกที่เป็นเงินโอน ครั้งนี้
รัฐบาลจัดท า “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ให้กับผู้ผ่านเกณฑ์ โดยจัดสรรสวัสดิการให้ดังนี้ (1) ให้วงเงินในบัตรส าหรับซื้อ
สินค้าในร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือร้านอื่น ๆ ที่กระทรวงพาณิชย์ก าหนด 300 บาทต่อเดือนส าหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน
30,000 บาทต่อปี และ 200 บาทต่อเดือนส าหรับผู้มีรายได้เกิน 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี (2) วงเงิน
ในบัตรส าหรับค่ารถเมล์ รถไฟฟ้า 500 บาทต่อเดือน (3) วงเงินในบัตรส าหรับค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน (4)
วงเงินส าหรับค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน และ (5) ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านที่กระทรวงพลังงานก าหนด
45 บาทต่อ 3 เดือน
นอกจากนั้น จากการศึกษามติคณะรัฐมนตรี กระทรวงการคลังได้เสนอมาตรการต่าง ๆ ในการเพิ่มสิทธิ
ประโยชน์ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่เรื่อย ๆ เช่น ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 มีการเปิดให้ผู้สมัครใจเข้ารับ
การฝึกอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิต โดยจูงใจให้เงินเพิ่มส าหรับผู้เข้าร่วมโครงการเดือนละ 100-200 บาทส าหรับซื้อสินค้า
ในร้านธงฟ้าประชารัฐ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2561 การเชื่อมโยงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้ากับบัตรแมงมุมเพื่อให้สามารถ
ใช้เป็นค่าโดยสารรถไฟใต้ดินได้ เดือนกันยายน พ.ศ. 2561 มีการเสนอโครงการคืนภาษีมูลค่าให้กับผู้มีรายได้น้อย โดย
แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ ร้อยละ 5 คืนมูลค่าเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 1 น าเข้าบัญชีหรือส่งสมทบให้กับบัญชีกองทุน
การออมแห่งชาติ และอีกร้อยละ 1 นั้นเสียเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มปกติ และในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2561 ได้มีการเสนอให้
อุดหนุนค่าน้ ามันส าหรับกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ ามันแพง
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้มีการด าเนินการมาเป็นระยะเวลาปีกว่า ก็ยังมี
ข้อสังเกตถึงปัญหาหลายประการที่เกิดขึ้น นับแต่ช่วงแรกเริ่มของโครงการก็มีรายงานข่าวถึงผู้ได้รับบัตรสวัสดิการที่ไม่ได้
มีฐานะยากจนอย่างแท้จริง ส่งผลให้เกิดข้อกังขาจากสังคมไทยในวงกว้างถึงขั้นตอนการตรวจสอบผู้ลงทะเบียนว่ามีความ
รัดกุมเพียงใด แต่ในขณะเดียวกัน ในการลงทะเบียนของปีพ.ศ. 2560 ที่มีการตรวจสอบเงินฝากและการถือครองที่ดิน ก็
กลับพบว่ามีคนจนจ านวนหนึ่งที่เหมาะสมจะได้รับสวัสดิการแต่ถูกตัดสิทธิไปเนื่องจากมีชื่ออยู่กับบัญชีเงินฝากของกลุ่ม
ออมทรัพย์หรือกลุ่มสวัสดิการ (บีบีซีไทย, 17 ตุลาคม 2017)
ปัญหาของโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังเกิดขึ้นกับกระบวนการใช้จ่ายบัตร โดยเครื่องมืออีดีซีและร้านค้า
ประชารัฐที่สามารถรับบัตรสวัสดิการได้มีจ านวนไม่เพียงพอ ในขณะที่มีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการใช้โอกาสในการบังคับ
ขายสินค้ารวมกันที่ราคา 200-300 บาทให้กับผู้ถือบัตร เท่ากับเป็นการบังคับใช้วงเงินในบัตรทั้งหมดในครั้งเดียว และ
ร้านค้าอีกจ านวนมากตัดสินใจยกเลิกการเข้าร่วมโครงการเนื่องจากเกรงว่ารายได้ของร้านจะเพิ่มขึ้นเกิน 1.8 ล้านบาท
และต้องเข้าเกณฑ์เสียภาษี (ไทยรัฐ 21 มี.ค. 2561)
2