Page 22 - kpiebook62016
P. 22
5
apportionment) และการปรับเปลี่ยนระบบตรวจสอบ ถ่วงดุลระหว่างฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่าย
ตุลาการ และองค์กรอิสระในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่ผ่านประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559
ล้วนเป็นภาพสะท้อนของการดิ้นรนหาดุลยภาพในการออกแบบสถาบันการเมือง ทั้งนี้ เพราะตระหนักดี
ว่าเสถียรภาพทางการเมืองและการตั้งมั่นและจรรโลงประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากขาดวิศวกรรม
ทางการเมืองในการออกแบบรัฐธรรมนูญ (Constitutional engineering) ที่เหมาะสมกับสังคมไทย
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
การศึกษาชิ้นนี้ มีวัตถุประสงค์เบื้องต้น 2 ประการคือ
1. เพื่อหาข้อสรุปที่เป็นเงื่อนไข ปัจจัย อิทธิพลที่ส่งผลต่อความส าเร็จ และความล้มเหลวต่อ
การสร้างประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง และการจรรโลงประชาธิปไตยไม่ให้ไหลย้อนกลับสู่ระบอบอ านาจนิยม
โดยสังเคราะห์จากประสบการณ์การเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยของหลายประเทศในโลก ในช่วง
เวลาและพื้นที่ต่างๆ กัน ด้วยวิธีศึกษาแบบการเมืองเปรียบเทียบอย่างเป็นระบบ
2. เพื่อเสนอแนวทางสร้างระบอบประชาธิปไตยที่ตั้งมั่นของไทย โดยเน้นข้อเสนอที่เกี่ยวข้อง
กับปัจจัยเชิงสถาบันการเมือง เพื่อการจัดวางและพัฒนาสถาบันการเมืองที่เหมาะสมกับสังคมไทย
วิธีการศึกษา
วิธีการศึกษาเปรียบเทียบที่ใช้ในการศึกษาชิ้นนี้ เป็นการเปรียบเทียบประเทศจ านวนไม่มาก
(Small-N) โดยมีเป้าหมายต้องการเปรียบเทียบประเทศที่มีกระบวนเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย
ในช่วงคลื่นลูกที่ 3 กล่าวคือเกิดขึ้นภายหลัง ค.ศ. 1974 ถึงปัจจุบัน โดยในขณะที่ศึกษาต้องยังไม่ออก
จากประชาธิปไตย หรือย้อนกลับไปใช้ระบอบการปกครองเดิมก่อนการเปลี่ยนผ่าน เมื่อศึกษาประเทศ
ต่างๆ โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นหลักฐาน (Empirical evidences) ซึ่งเป็นจุดแข็งของการศึกษา
เปรียบเทียบที่ใช้กรณีศึกษาจ านวนไม่มากเช่นนี้ พบว่า ประเทศจ านวนมากในคลื่นลูกที่ 3 ยังดิ้นรนใน
กระบวนการเปลี่ยนผ่าน และยังไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยที่ตั้งมั่นได้ เนื่องจากนอกพื้นที่ทวีป
อเมริกาเหนือ ยุโรปตะวันตก และออสเตรเลียแล้ว ประเทศที่ได้รับการจัดให้เป็นประชาธิปไตยที่มั่นคง
แล้วมีน้อยมาก โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกาใต้