Page 300 - kpiebook65010
P. 300

แนวทางและวิธีการวิเคราะห์
                                        ผลกระทบทางสังคมในการตรากฎหมาย





               เช่น เมื่อผู้รับทุนหรือผู้ต้องการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เป็นภาคเอกชนมาขอทำ
               สัญญาโอนสิทธิความเป็นเจ้าของหรือขอทำสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในผลงานวิจัยและนวัตกรรม

               หน่วยงานให้ทุนบางแห่งสามารถทำสัญญาให้ใช้สิทธิในผลงานวิจัยและนวัตกรรมได้ บางแห่งทำได้
               เพียงสัญญาให้ผู้รับทุนหรือผู้ใช้ประโยชน์เป็นผู้บริหารจัดการผลงานวิจัยและนวัตกรรม และ

               บางแห่งมีแนวปฏิบัติที่ยุ่งยากและซับซ้อนโดยต้องทำหนังสือขอความเห็นไปยังสำนักงานอัยการ
               สูงสุดเพื่อพิจารณาร่างสัญญาและการอนุญาตให้ใช้สิทธิซึ่งทำให้เกิดความล่าช้า ไม่ทันต่อ
               การเปลี่ยนแปลงในการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม”


                              จากเนื้อความข้างต้น จะเห็นได้ว่า หน่วยงานได้แสดงให้เห็นถึง “ทางเลือก
               ที่ประสงค์จะนำมาใช้” คือ การออกกฎหมายเฉพาะเพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและ
               นวัตกรรมโดยตรง และได้แสดงให้เห็นถึงการแก้ปัญหาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หรืออาจเรียกว่าเป็น

               “ทางเลือกในการไม่ทำอะไรเลย” คือ การคงสถานะปัจจุบันไว้ (status quo) ซึ่งได้แก่การให้
               หน่วยงานมีดุลพินิจในการจัดการโดยอาศัยกฎหมายและข้อตกลงในสัญญาที่มีอยู่ โดยได้แสดงถึง

               ข้อจำกัดของทางเลือกนี้เอาไว้ด้วย อย่างไรก็ตาม การอธิบายในหัวข้อนี้ยังไม่ได้ดำเนินการให้
               สอดคล้องกับคำแนะนำใน RIA Handbook อีกประการหนึ่ง นั่นคือ “ควรอธิบายด้วยว่า
               การแก้ปัญหาด้วยมาตรการทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่การตรากฎหมายได้ผลอย่างไร และมีอุปสรรคหรือ

               ข้อจากัดอย่างไรบ้าง” เช่น รัฐบาลอาจเลือกใช้แนวทางการกำหนดมาตรฐานของข้อสัญญาที่ใช้
               สำหรับงานวิจัยและนวัตกรรมจากงบประมาณของรัฐให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปรับใช้ให้เป็น

               ไปในลักษณะเดียวกันทั้งหมดได้โดยไม่ต้องออกกฎหมายก็ได้ เป็นต้น

                              กล่าวโดยสรุป การกำหนดทางเลือกในมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
               กับเรื่องนี้นั้น อาจกำหนดได้เป็น 3 ประการ ได้แก่

                                   (4) ทางเลือกที่ 1 ไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้หน่วยงานใช้ดุลพินิจจัดการ
                                      ปัญหาไปตามกฎหมายที่มีอยู่และระบบของสัญญา


                                   (5) ทางเลือกที่ 2 รัฐบาลกำหนดข้อสัญญามาตรฐานที่ใช้สำหรับงานวิจัย
                                      และนวัตกรรมจากงบประมาณของรัฐให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไป
                                      ปรับใช้ให้เป็นไปในลักษณะเดียวกันทั้งหมดได้โดยบริหารจัดการ

                                      อุปสรรคที่ถูกอ้างว่ามีอยู่ (เช่น ความยุ่งยากในการประสานงานกับ
                                      อัยการ)

                                   (6) ทางเลือกที่ 3 ออกกฎหมายเฉพาะเรื่องเพื่อใช้กับงานวิจัยและนวัตกรรม

                                      จากงบประมาณของรัฐ

                                                สถาบันพระปกเกล้า

                                                     288
   295   296   297   298   299   300   301   302   303   304   305