Page 255 - kpiebook65064
P. 255
โครงการสังเคราะห์ข้อเสนอ 205
เพื่อเสริมสร้างการอภิบาลระบบยา
เมื่อวิเคราะห์ภาพรวมของกระบวนการการขึ้นทะเบียนตำรับยา สรุปได้ว่าสิ่งที่ผู้มี
ส่วนได้ส่วนเสียทั้งสามกลุ่ม มีความคิดเห็นว่าเห็นด้วยน้อยที่สุด ได้แก่ กฎหมาย/กฎระเบียบ
(ค่าเฉลี่ย 5.08 หรือคิดเป็น 51%) รองลงมา ได้แก่ กระบวนการและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (ค่าเฉลี่ย
5.76 หรือคิดเป็น 58%) และความคิดเห็นที่มีต่อคณะกรรมการ คณะทำงาน และผู้เชี่ยวชาญ
(ค่าเฉลี่ย 5.82 หรือคิดเป็น 58%) ตามลำดับ
ในส่วนองค์ประกอบของธรรมาภิบาลที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งสามกลุ่มมีความคิดเห็นว่า
เห็นด้วยน้อยที่สุด ได้แก่ ความมีประสิทธิภาพ (Efficiency) (ค่าเฉลี่ย 5.29 หรือคิดเป็น 53%)
และประเด็นนิติรัฐ (Rule of Law) (ค่าเฉลี่ย 5.30หรือคิดเป็น 53%) ซึ่งค่าคะแนนต่างกันเพียง
0.01 เท่านั้น รองลงมา ได้แก่ ความพร้อมรับผิดชอบ (Accountability)(ค่าเฉลี่ย 5.48 หรือ
คิดเป็น 55%) การมีส่วนร่วม (Participation) (ค่าเฉลี่ย 5.83 หรือคิดเป็น 58%) และความ
โปร่งใส (Transparency) (ค่าเฉลี่ย 6.09 หรือคิดเป็น 61%) ตามลำดับ
ดังนั้น ไม่ว่าจะพิจารณาจากมุมของระดับความคิดเห็นเฉลี่ยในกระบวนการขึ้น
ทะเบียนตำรับยา หรือมุมมององค์ประกอบของธรรมาภิบาลสิ่งที่ควรได้รับการแก้ไข
ในกระบวนการขึ้นทะเบียนยามากที่สุด คือ การปรับปรุงและแก้ไขกฎหมาย เนื่องจากมีค่าเฉลี่ย
ต่ำที่สุดรองลงมา ได้แก่ การแก้ไขปัญหาในเรื่องของความมีประสิทธิภาพ และความพร้อมรับ
ผิดรับชอบ ตามลำดับ
6.1.2 ผลการสัมภาษณ์เชิงลึก
จากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกระบวนการขึ้นทะเบียนยา พบว่า
ประเด็นปัญหาในการขึ้นทะเบียนตำรับยาที่ส่งผลต่อความเสี่ยงธรรมาภิบาลของระบบอภิบาลยา
ได้แก่
(1) ความไม่ครบถ้วนในเนื้อหาสาระและความล้าสมัยของกฎหมายหลัก
จากการสัมภาษณ์เชิงลึกหลายฝ่ายเห็นว่าความล้าสมัยของพระราชบัญญัติยา
พ.ศ.2510 ทำให้เนื้อหาสาระของกฎหมายขาดความทันสมัย ดังนั้น มาตรการหรือข้อเสนอ
ในการพัฒนาและปรับปรุงการขึ้นทะเบียนตำรับยาจึงไม่สามารถทำได้มากนัก เพราะสำนักงาน
คณะกรรมการอาหารและยาไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ผู้ให้สัมภาษณ์ท่านหนึ่งเห็นว่าการที่
กฎหมายในปัจจุบันไม่ได้รับการแก้ไขหรือยกร่างใหม่เกิดจากข้อติดขัดของหลายฝ่ายที่ได้รับ
ผลกระทบ “กฎหมายไม่ทันสมัยโดยเฉพาะพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 เพราะติดปัญหาที่รัฐบาล
และฝ่ายการเมือง โดยได้เคยเข้าไปร่วมร่าง/แก้ไขกฎหมายฉบับดังกล่าวตั้งแต่จบปริญญาเอกใหม่ ๆ
ซึ่งเลขาธิการ อย. ที่ริเริ่มในขณะนั้นก็เกษียณอายุไปแล้ว อีกทั้งร่างกฎหมายฯ ฉบับใหม่ก็มีมาตรา
ใหม่ที่ทำให้หลายฝ่ายเสียประโยชน์ ซึ่งเป็นผลทำให้ อย. ไม่มีอำนาจในการออกกฎกระทรวง
เพื่อวางมาตรการใหม่ ๆ” หรือการออกกฎหมายใหม่อาจส่งผลต่อหลายวิชาชีพดังที่ผู้ให้สัมภาษณ์
6
6 สัมภาษณ์, ผู้ให้สัมภาษณ์ A. วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556
บทที่ 6
สถาบันพระปกเกล้า