Page 267 - kpi15476
P. 267

2       การประชุมวิชาการ
                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15


                  ลดความกลัวและเพิ่มความไว้วางใจและการถกแถลงแจงเหตุผลซึ่งควรเป็นกิจกรรมสาธารณะแล้ว
                  กระบวนการก็ควรนำไปสู่การตัดสินใจแบบแสวงความเห็นพ้องด้วย จึงขอเรียกกระบวนการเช่นนี้

                  ว่า 3D ประกอบด้วย (1) การสานเสวนา (dialogue) (2) การถกแถลงแจงเหตุผล (deliberation)
                  หมายถึง การนำประเด็นจากการสานเสวนามาศึกษาและกำหนดประเด็นทางเลือก แล้วร่วมกันใช้
                  วิจารณญาณพิจารณาข้อดีข้อเสียของทางเลือกนั้นๆ และ (3) การตัดสินใจของผู้มีอำนาจหน้าที่

                  ผ่านการฟังเสียงสะท้อนและความเห็นพ้องของประชาชน (decision making based on near
                  consensus)


                       จะเห็นได้ว่า ฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องผนึกกำลังในระดับที่กว้าง แก้ไขจุดอ่อนดังที่ยกเป็น
                  ตัวอย่างบางประการไว้ข้างต้น และจะต้องพัฒนากระบวนการการมีส่วนร่วมที่มีคุณภาพ เมื่อ

                  กระทำเช่นนี้แล้ว จึงจะมีความพร้อมที่จะผ่อนปรนและกลมกลืนกับฝ่ายราชาธิปไตยได้อย่าง
                  เหมาะสม มิใช่อย่างขอไปทีหรือด้วยภยาคติ ซึ่งอาจจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยหวนกลับสู่ความ

                  รุนแรง หรือขาดเสถียรภาพและความยั่งยืน


                  สู่ความกลมกลืนโดยมีปรัชญาร่วมกัน



                       การดำรงการปกครองที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและมีสถาบันพระมหากษัตริย์

                  ที่ปรับตัวได้ตามเหตุปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น มีข้อดีและเหตุผลดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว ส่วนการ
                  พัฒนาประชาธิปไตยแบบถกแถลงก็ควรดำเนินไปอย่างมีประสิทธิผลเช่นกัน แต่เพื่อที่จะตอบ
                  โจทย์ของความกลมกลืนระหว่างราชาธิปไตยและประชาธิปไตย ซึ่งหวังว่าต่างก็มีความเข้มแข็งให้

                  ได้นั้น จะขอทดลองเสนอแนวทางหนึ่งคือ การมีปรัชญาร่วมกัน ดังที่ได้กล่าวไว้เล็กน้อยใน
                  คำกล่าวนำถึงการเมืองที่มีคุณธรรม โดยใช้คำว่า ‘ธรรมิกประชาราช’ ซึ่งหมายความว่า ทั้งประชา

                  และราชาต่างถือธรรม หรือความเป็นธรรมชาติและความเที่ยงตรงเดียวกัน คือ ธรรมวิทยาของ
                  พลเมือง = ธรรมวิทยาของราชา ธรรมวิทยาดังกล่าวหมายถึงปรัชญาและปทัสถานทางความคิด
                  และความเชื่อว่าอะไรสำคัญนั่นเอง


                       อันที่จริงเรามีปรัชญาเช่นนี้อยู่แล้ว ถึงกับบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 78 (1) นั่นคือ

                  ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งโดยสาระสำคัญคือ การมีเหตุผล ความพอประมาณ และการมี
                  ภูมิคุ้มกันหรือลดความเสี่ยง โดยมีเงื่อนไขคือการใช้ความรู้ทางวิชาการและการมีคุณธรรม

                  หากฝ่ายราชาธิปไตยและประชาธิปไตยต่างนำสาระสำคัญดังกล่าวไปประพฤติปฏิบัติในฝ่ายตน
                  และคอยเตือนอีกฝ่ายให้ปฏิบัติด้วยความเป็นกัลยาณมิตรต่อกันแล้ว ปรัชญาร่วมกันเช่นนี้ก็น่าจะ
                  เชื่อมประสานความกลมกลืนของทั้งสองฝ่ายได้
        เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย   เป็นคำขวัญของการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 คือ เสรีภาพ เสมอภาค และภราดร/ภคินีภาพ
                       อันที่จริงการเป็นกัลยาณมิตรต่อกันเป็นเรื่องสำคัญ อุดมการณ์หลักของประชาธิปไตยซึ่ง



                  การเป็นกัลยาณมิตรก็คล้ายๆ กับการปฏิบัติต่อกันฉันพี่น้อง ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดเด่นที่การปกครอง
                  ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีเหนือกว่าระบอบประชาธิปไตยอื่นๆ

                  ตามที่ได้นำเสนอข้อวิเคราะห์ของมารคมาก่อนแล้ว แต่เท่าที่ผ่านมา เราสาละวนและให้ความ
   262   263   264   265   266   267   268   269   270   271   272