Page 513 - kpi18886
P. 513
505
ที่จะเป็นกติกากลางของสังคมการเมือง (Negretto, 2013, pp. 168-173) นำมาสู่
ความขัดแย้งทางการเมือง การลอบสังหารผู้นำทางการเมือง และสงครามกลางเมือง
หลายครั้ง
ในที่นี้ความขัดแย้งทางการเมืองในระดับสถาบันระหว่างพรรคการเมือง
Conservative และ Liberal แต่ความขัดแย้งทางการเมืองระดับตัวแสดงได้ฝังลึก
กว่านั้นมาก เพราะในช่วงสงครามเย็นมีกลุ่มขบวนการทางการเมืองหลายกลุ่มที่มี
บทบาทในการเคลื่อนไหวในโคลัมเบีย เช่น กลุ่ม The FARC (The
Revolutionary Armed Forces of Colombia—People’s Army) และกลุ่ม
National Liberation Army (ELN) ภายใต้ขบวนการฝ่ายซ้ายในลาตินอเมริกา
และกลุ่มกองโจร M-19 (กลุ่มการเคลื่อนไหว 19 เมษายน) ที่เป็นพรรคการเมือง
ต่อมาในชื่อ the M-19 Democratic Alliance ในการเคลื่อนไหวเพื่อ
ประชาธิปไตย
ความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงปลายยุคสงครามเย็นประมาณปี
ค.ศ. 1980s ได้มีกระบวนการเจรจาหยุดยิงและการสร้างสันติภาพ กลุ่ม M-19
และกองโจรขนาดเล็กหลายแห่งได้เข้าร่วมกระบวนการสันติภาพในช่วงสิ้น
ทศวรรษที่ 1980 ต่อต้นทศวรรษต่อไป เกิดการร่างรัฐธรรนูญฉบับใหม่ที่จะมีผล
ในปี ค.ศ. 1991 ที่มาพร้อมกับการเปิดกว้างทางการเมืองที่มากกว่าฉบับก่อนหน้านี้
ส่วนกลุ่ม FARC ก็มีการเจรจากันหากแต่ไม่สม่ำเสมอมากนักยังมีการละเมิด
ข้อตกลงการหยุดยิงอย่างเนื่องๆ ประกอบกับบทบาทของสหรัฐอเมริกาในการ
จัดการกับขบวนการค้ายาเสพติดและปัญหาผู้ลี้ภายทำให้การเมืองโคลัมเบีย
ซับซ้อนยิ่งขึ้น (CIA, 2017)
ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองหลังยุคคอมมิวนิสต์ล่มสลาย โคลัมเบีย
ได้พยายามวางยุทธศาสตร์ประเทศผ่านปฏิรูปทางการเมืองผ่านการออกแบบ
รัฐธรรมนูญฉบับปี ค.ศ. 1991 ให้อยู่ในลักษณะของการแบ่งปันอำนาจ (power-
sharing) ระหว่างกลุ่มทางการเมืองต่างๆ โดยได้ดำเนินการใน 2 ระดับ
(Negretto, 2013, pp. 174-175) คือ
1) แบบบนลงล่าง (top-down) นำโดยประธานาธิบดี Virgilio Barco
พรรคเสรีนิยม ช่วงปี 1986-1990 ในการปฏิรูปรัฐธรรมนูญผ่าน
บทความที่ผานการพิจารณา