Page 252 - kpi20756
P. 252

2 2     การประชุมวิชาการ
                    สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21
            ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย


                  2. แนวคิดเรื่องเมืองอัจฉริยะ (Smart City)



                       เมื่อกล่าวถึง “เมือง” ในฐานะการศึกษาในขอบข่ายของนโยบายการพัฒนาเมืองเป็นสิ่งที่

                  ได้รับความสนใจมาเป็นระยะเวลานานแล้ว คำว่า “เมือง” มิได้มีการกำหนดคำนิยามหรือ
                  ความหมายไว้อย่างตายตัว หากแต่ผันแปรไปตามบริบทของแต่ละประเทศว่าจะให้คำนิยามเป็นไป
                  ในทิศทางใด หากพิจารณาในมิติของกระบวนการเป็นเมืองก็ย่อมสังเกตได้จากการเปลี่ยนวิถีจาก

                  สังคมเกษตรสู่สังคมที่มีประชากรหนาแน่นมากขึ้น  (นิธินันท์ วิศเวศวร, 2552) หากแต่ทั้งนี้
                  ทั้งนั้นจำเป็นต้องพิจารณาเงื่อนไขอื่น ๆ ประกอบกันด้วย เช่น การพัฒนาคุณภาพชีวิตของ

                  ประชาชน การพัฒนาสาธารณูปโภค การพัฒนาขนส่งมวลชน เป็นต้น (เกวลี  เพชรศรีชาติ,
                  2560)


                       การศึกษาคุณลักษณะของเมืองและการก่อตัวของเมืองของ หลุยส์ เวียต (Louis Wirth)
                  ในปี 1938 มองปัจจัยด้านประชากรศาสตร์เป็นสำคัญ เขามองว่า เมื่อประชากรมาอยู่รวมกัน
                  จำนวนมากย่อมส่งผลให้เกิดความหลากหลายทั้งในด้านเพศ อายุ การศึกษา อาชีพ และรายได้

                  ก่อให้เกิดความเป็นย่านและชุมชนต่าง ๆ มากมายที่ซ้อนทับอยู่ในเมืองๆหนึ่ง นอกจากนี้การดำรง
                  ชีวิตของคนในเมืองย่อมมาจากปัจจัยสำคัญ 3 ปัจจัย ได้แก่ “ปัจจัยด้านขนาด” คือ เมื่อประชากร

                  มาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากต่างคนต่างที่มาทำให้เกิดความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง จึงไม่ก่อ
                  ให้เกิดการมีวัฒนธรรมร่วมของเมือง อีกทั้งการติดต่อสื่อสารระหว่างประชากรเมืองก็มักดำเนินไป
                  ในลักษณะของความเป็นทางการ จึงไม่ปรากฏวิธีการสื่อสารอย่างมีความสนิทเหมือนดังในสังคม

                  เกษตรชนบท ต่อมาปัจจัยที่สอง คือ ปัจจัยด้านความหนาแน่นของประชากร ซึ่งมีความเกี่ยวข้อง
                  กับปัจจัยแรก เมื่อคนมาอยู่อาศัยหนาแน่นขึ้นก็ย่อมส่งผลต่อการมีปฏิสัมพันธ์ที่ลดลง และภายใน

                  เมืองก็ถูกแบ่งออกเป็นอาณาบริเวณต่าง ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ต่อการตอบสนองความต้องการของ
                  คนเมืองที่แตกต่างกันออกไป ส่วนปัจจัยที่สามคือปัจจัยด้านความหลากหลายของประชากร
                  เนื่องจากประชากรที่มาอยู่รวมกันมาจากภูมิหลังที่แตกต่างกันและการเข้ามาอยู่รวมกันในเมือง

                  ก็มีเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไปด้วย การสื่อสารระหว่างกันและความแตกต่างของการดำเนิน
                  ชีวิต ด้วยหลากหลายปัจจัยที่แตกต่างกันเหล่านี้ก็ย่อมส่งผลให้เกิดความขัดแย้งของคนในเมืองได้


                       แนวคิดเรื่องเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เป็นแนวคิดสำคัญในการพัฒนาเมืองใน

                  ศตวรรษที่ 21 เริ่มมีมานานแล้วในฝั่งยุโรปและอเมริกา นับแต่ปี พ.ศ.2540 ในชื่อของ “เมือง
                  เสมือนจริง (Virtual City)” กล่าวคือ ในกลุ่มประเทศดังกล่าวมักเกิดความเหลื่อมล้ำทางด้าน
                  เศรษฐกิจและสังคมในเมืองสูง ทำให้การเข้าถึงสาธารณูปโภคและการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ

                  ที่ทันสมัยเป็นไปได้ยาก แนวคิดเมืองเสมือนจริงจึงอาจตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาดังกล่าว
        เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 5   สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ง่ายขึ้น และใช้เงินน้อยกว่าด้วย (ฤทัยชนก เมืองรัตน์, 2561)
                  ด้วยการนำเสนอแนวทางการใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อให้ชาวเมืองสามารถเข้าถึงการรับบริการและ




                       แนวคิดการพัฒนาเมืองสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ ในอดีตมักมองว่าแนวคิดดังกล่าวเป็นเพียง

                  การวาดฝัน หากแต่ในยุคปัจจุบันนั้น การเชื่อมส่วนต่างๆ ของเมืองให้เข้ากับวิถีชีวิตของประชาชน
                  ในแต่ละเมืองกลับกลายเป็นสิ่งสำคัญ แนวคิดนี้ถูกนำเสนอผ่านทั้งนักวิชาการและนักปฏิบัติจาก
   247   248   249   250   251   252   253   254   255   256   257