Page 95 - kpi20756
P. 95
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21
ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย
3.2 กำหนดกลไกทางรัฐสภาในการตรวจสอบและถ่วงดุลรัฐบาลเพื่อรับผิดชอบต่อ
ประชาชนโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีสิทธิเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อ
ลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีในสมัยประชุมสามัญได้เพียงปีละ
หนึ่งครั้งเท่านั้น (ม. 121)
3.3 ผู้นำฝ่ายค้านสามารถขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติไม่ไว้วางใจเพื่อให้
พรรคเสียงข้างน้อยได้ให้คำแนะนำแก่รัฐบาลในการบริหารงานและเป็นการลดความ
ตึงเครียดทางการเมือง (มาตรา 155)
3.4 ส.ส.จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
จะเข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือ
เสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติก็ได้
3.5 สมาชิกวุฒิสภาไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภามีสิทธิเข้าชื่อ
ขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจง
ปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ (มาตรา 153)
3.6 ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลให้รัฐบาลบริหารงานเพื่อ
ตอบสนองปัญหาและความต้องการของประชาชนได้ดี ส.ส. ส.ว. มีสิทธิตั้งกระทู้
ถามรัฐมนตรีในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับงานในหน้าที่โดยถามเป็นหนังสือหรือด้วย
วาจา (มาตรา 150) ในทุกสมัยของการประชุมรัฐสภา
3.7 ส.ส. และ ส.ว. มีเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาดในการกล่าวถ้อยคำใดในการแถลงข้อเท็จจริง
และความคิดเห็นหรือการออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรหรือ
ที่ประชุมวุฒิสภาหรือที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
4. การลดความขัดแย้งและส่งเสริมเสถียรภาพทางการเมือง
4.1 มุ่งส่งเสริมให้ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติต่างทำหน้าที่ของตนได้ดี มีความเป็น
กัลยาณมิตรต่อกัน และสามารถหาทางออกต่อความขัดแย้งทางการเมืองได้โดย
สันติวิธี ไม่ต้องขัดแย้งกันจนนำไปสู่การยุบสภาหรือการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล
หรือตัวนายกรัฐมนตรี
4.2 รัฐบาลสามารถขอความร่วมมือจากรัฐสภา เหมือนกับที่บัญญัติไว้ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ
2492 ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรี
ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภาได้ โดยไม่มีการ
ลงมติ (มาตรา 165) เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 2