Page 282 - 22373_Fulltext
P. 282

1.5) ปัญหาด้านสภาพแวดล้อม ได้แก่  1) สภาพแวดล้อมภายในห้องเรียน  เช่น มุมหนังสือ มุม

              วิทยาศาสตร์และศิลปะ ติดกระจกสะท้อน คิดเป็นร้อยละ 55.40   2) สภาพแวดล้อมภายนอกห้องเรียน เช่น
              ความเป็นธรรมชาติ สนามทราย กิจกรรมศิลปะ คิดเป็นร้อยละ 50

                        จากปัญหาดังกล่าว เทศบาลเมืองล าพูนได้หาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยให้ความ

              ส าคัญกับการพัฒนาการเรียนการสอนซึ่งจากการระดมความคิดเห็นในการจัดกิจกรรมพบมีแนวคิดวิธีการต่างๆ
              เช่น การสอนแบบมอนเตสซอรี (Montessori) ข้อดีคือ 1) เด็กปฐมวัยแต่ละคนแตกต่างกัน จึงควรได้รับการ

              ยอมรับและพัฒนาในแบบของแต่ละคน และ 2) เด็กปฐมวัยจะเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว จึงควรจัด
              สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ให้เหมาะกับการเรียนรู้  ส่วนข้อเสียคือ 1) เด็กปฐมวัยได้เรียนร่วมกับเพื่อนที่มีความ
              แตกต่างกัน เพราะในแต่ละห้องเรียนจะจัดกลุ่มคละกันในห้อง ส าหรับเด็กปฐมวัยที่ช่วงอายุห่างกันประมาณ

              3 ปี เช่น อายุ 0-3 ปีเรียนด้วยกัน และ 2) ครูเป็นผู้แนะน า  สาธิตและให้เด็กปฐมวัยลงมือปฏิบัติกิจกรรมอย่าง
              มีระบบ ตรงจุดนี้ท าให้เด็กปฐมวัยไม่ได้รู้จักลองผิดลองถูก การสอนเแบบวอลดอร์ฟ (Waldorf)  ข้อดีคือ

              1) วอลดอร์ฟเน้นศิลปะ ดนตรี และการเล่น ซึ่งถือเป็นงานของเด็กปฐมวัยเล็ก และให้ความส าคัญกับ
              จินตนาการมาก และ 2) จัดสภาพแวดล้อมโรงเรียนให้ดูอบอุ่นและเป็นกันเองเหมือนบ้าน ด้วยของเล่นไม้ วัสดุ
              จากธรรมชาติ และสีสันที่มีผลต่อพฤติกรรมเด็กปฐมวัย  ส่วนข้อเสียคือ 1) ไม่มีการสอนอ่านเขียน หรือค านวณ

              ในระดับอนุบาล เด็กปฐมวัยจะได้เรียนรู้ผ่านการเล่นและการท ากิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการท าตามแบบอย่าง
              ของครู เด็กปฐมวัยจะได้คิดและลงมือท าด้วยตัวเองทั้งกระบวนการ เพื่อพัฒนาจิตวิญญาณ จินตนาการ และ

              ความคิดสร้างสรรค์ด้วยการเชื่อมโยงความรู้รอบด้าน และ 2) ไม่ให้เด็กปฐมวัยใช้สื่อต่างๆ และโทรทัศน์ก่อนวัย
                    การวิจัยขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นกลไกลดความเหลื่อมล ้าทางด้านการศึกษา
              สมควร เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่กีดขวางจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัย และการสอนแบบ
              เรกจิโอ เอมิเลีย (Reggio Emilia)  ข้อดีคือ 1) สร้างพลเมืองที่ดีและมีความรับผิดชอบต่อโลก  2) เด็กปฐมวัย

              จะสื่อความเข้าใจ สิ่งที่เขาคิด อารมณ์ และความคิดสร้างสรรค์ผ่านการวาดภาพ การเต้น การเคลื่อนไหว
              การเล่น ดนตรี และอื่นๆ ได้อีกเป็นร้อยวิธี ซึ่งถือเป็นภาษาที่เด็กปฐมวัยสื่อสารออกมา  3) ความสัมพันธ์เป็น

              หัวใจส าคัญในการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่หรือเด็กปฐมวัยคนอื่น ๆ เน้นให้เด็กปฐมวัยมีความ
              ร่วมมือกันด้วยการท างานเป็นกลุ่ม ให้เด็กปฐมวัยแต่ละคนมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกัน  4) ผู้ใหญ่มีบทบาท
              ในการคิด  สังเกต ฟังค าถาม และเรื่องราวของเด็กปฐมวัยเพื่อค้นหาสิ่งที่เขาสนใจ โดยครูคอยให้ความ

              ช่วยเหลือใช้ค าถามของเด็กปฐมวัย เป็นโอกาสในการเรียนรู้และค้นหาค าตอบร่วมกัน แทนที่จะตอบค าถาม
              เด็กปฐมวัยเพียงอย่างเดียว   5) ครูต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็กปฐมวัย ต้องมีลักษณะเป็นนักค้นคว้า นักวิจัย

              และนักส ารวจ เพื่อน าพาเด็กปฐมวัยไปสู่การเรียนรู้ที่ก้าวหน้า ให้เป็นคนที่อยากจะเรียนรู้ตลอดชีวิต
              6) สิ่งแวดล้อมเป็นครูคนที่สาม มีหน้าที่สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กปฐมวัย ๆ กระตุ้นให้เด็กปฐมวัยเกิดความ
              สนใจในเรื่องต่าง ๆ ครู พ่อแม่ และชุมชนจึงต้องมีส่วนร่วมในการจัดสภาพแวดล้อมให้เด็กปฐมวัยได้เรียนรู้

              สังเกต ตั้งสมมติฐาน และส ารวจ และ 7) เด็กปฐมวัยได้ใช้สิทธิในการได้แสดงออกถึงความสามารถของตนเอง
              มีอิสระในการนึกคิด ข้อเสียคือ ใช้เวลาในการเรียนแต่ละเรื่องนาน ท าให้มีโอกาสเรียนได้น้อยเรื่อง

                        อย่างไรก็ตาม เทศบาลเมืองล าพูน ได้เลือกแนวการสอนแบบเรกจิโอ เอมิเลียในการแก้ไขปัญหา

              ดังกล่าว โดยแนวการสอนแบบเรกจิโอ เอมิเลียเกิดขึ้นที่เมือง เรกจิโอ เอมิเลีย (Reggio Emelia) ในประเทศ
              อิตาลีหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง เมื่อผลของสงครามท าให้อาคารบ้านเรือนของเมืองเสียหายเกือบ








      258     วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า
   277   278   279   280   281   282   283   284   285   286   287