Page 84 - kpiebook65020
P. 84

45

                                                                                     รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์
                                     โครงการวิจัยเรื่อง “องค์ความรู้และเครื่องมือส าหรับการตรวจสอบความจ าเป็นในการตรากฎหมาย”


               เรื่องการเปิดมุมมองของนักกฎหมายให้มองกฎหมายได้หลากหลายมากขึ้นแทนที่จะจ ากัดอยู่ที่ความเข้าใจ
                                              72
               กฎหมายในเชิงทฤษฎีเพียงอย่างเดียว
                       ในส่วนต่อไปจะเป็นการอธิบายการน าความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ไปปรับใช้กับการตรวจสอบ
               ความจ าเป็นในการตรากฎหมายและการวิเคราะห์ผลกระทบของร่างกฎหมาย

                       (1) ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost)

                       เนื่องจากระบบเศรษฐศาสตร์ตั้งอยู่บนฐานความเข้าใจว่าทรัพยากรบนโลกมีอย่างจ ากัด จึงต้องมี

               วิธีการในการเลือกใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เศรษฐศาสตร์จึงเป็นศาสตร์ที่พิจารณาถึงการเลือกทาง
               ใดทางหนึ่งและเมื่อเลือกไปแล้วก็ไม่สามารถเลือกเส้นทางอื่น ๆ ใด หรือกล่าวให้เข้าใจตามส านวนไทยคือ
                                                                      73
               ความจ าเป็นต้องเลือกท าให้ไม่สามารถ “จับปลาสองมือ” ได้นั่นเอง  ยิ่งไปกว่านั้น ในการเลือกแต่ละครั้งย่อม
               เกิดต้นทุนค่าเสียโอกาสซึ่งจะวัดได้จากมูลค่าของทางเลือกที่ดีที่สุดในบรรดาทางเลือกทั้งหลายที่ไม่ได้ถูกเลือก
               หากจะยกตัวอย่างในแง่มุมของการออกกฎ ยกตัวอย่าง เช่น การที่ผู้ออกกฎใช้ทรัพยากรทั้งเวลา ความคิดและ

               งบประมาณในการออกกฎห้ามขับขี่รถยนต์ด้วยความเร็วเกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปแล้ว ท าให้ผู้ออกกฎ
               ต้องแบกรับต้นทุนค่าเสียโอกาสในการใช้ทรัพยากรทั้งเวลา ความคิดและงบประมาณในการติดตั้งลูกระนาด
               (speed  bump)  เพื่อลดความเร็วของรถยนต์บนท้องถนน เนื่องจากทรัพยากรทั้งเวลา ความคิดและ

               งบประมาณของผู้ออกกฎนั้นย่อมมีจ ากัดนั่นเอง

                       (2) ระบบตลาด (Market system)

                       สมมุติฐานส าคัญในแนวคิดเศรษฐศาสตร์เสรีนิยมคือ ความเชื่อที่ว่า ในระบบตลาด ทรัพยากรภายใน
               ตลาดจะถูกจัดสรรปันส่วนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดโดยการท างานของมือที่มองไม่เห็น (Invisible  Hand)
               หรือกลไกอุปสงค์จากผู้ซื้อและอุปทานจากขายหรือผู้ผลิตในตลาดนั้นเอง ดังนั้น ในระบบตลาดสมบูรณ์ การ
               จัดสรรทรัพยากรจะมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยที่รัฐไม่จ าเป็นจะต้องเข้าไปแทรกแซงตลาด อย่างไรก็ตาม ดังที่ได้

               กล่าวไปแล้วข้างต้น การที่รัฐไม่เข้าไปแทรกแซงกลไกตลาดไม่ได้หมายความว่ารัฐจะไม่มีบทบาทใด ๆ ในระบบ
               เศรษฐกิจเลย เพราะกลไกของตลาดทุนนิยมจะเกิดขึ้นได้จ าเป็นจะต้องมีโครงสร้างทางสถาบันที่สนับสนุนใน
                                      74
               ตลาดสามารถด าเนินไปได้  และกลไกทางกฎหมายก็เป็นหนึ่งในโครงสร้างทางสถาบันดังกล่าว ดังนั้นการ
               เปลี่ยนแปลงใด ๆ ทางกฎหมายหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งต่อโครงสร้างของระบบตลาดและการท างานของตลาด

               อยู่เสมอ โดยเฉพาะปัญหาว่าตลาดจะผลิตอะไร ผลิตอย่างไรและใครจะได้รับผลผลิตไป

                       เพื่อให้ระบบตลาดสามารถท างานได้อย่างสมบูรณ์ โครงสร้างขอระบบตลาดรวมไปถึงกลไกทาง
                                                75
               กฎหมายจะต้องส่งเสริมปัจจัยดังต่อไปนี้



               72  สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย, “โครงการศึกษาวิจัย เรื่อง การวิเคราะห์กฎหมายด้วยวิธีทางเศรษฐศาสตร์ :การคิด
               ค่าเสียหายในคดีละเมิด,” ส านักงานศาลยุติธรรม, (2553) สืบค้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563,  จาก https://docs.google
               .com /viewerng/viewer?url=https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2012/09/I27.pdf
               73
                   ชยันต์ ตันติวัสดาการ, เศรษฐศาสตร์จุลภาค: ทฤษฎีและการประยุกต์, (กรุงเทพ:ส านักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,
               2552),น.2
               74
                  เพิ่งอ้าง, น.7.
               75  เพิ่งอ้าง, น.9.
   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89