Page 85 - kpiebook65020
P. 85
46
รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์
โครงการวิจัยเรื่อง “องค์ความรู้และเครื่องมือส าหรับการตรวจสอบความจ าเป็นในการตรากฎหมาย”
ประการที่หนึ่ง โครงสร้างจ าเป็นต้องส่งเสริมให้ตลาดมีการแข่งขันที่สมบูรณ์ กล่าวคือ ไม่มีผู้ผลิตราย
ใดมีอ านาจเหนือผู้อื่น ผู้ผลิตด้วยแข่งขันกันอย่างเป็นธรรมและไม่มีการครอบง าตลาด (monopoly)
ประการที่สอง โครงสร้างตลาดจ าเป็นต้องไม่สร้างผลกระทบภายนอก (externality) ผลกระทบ
ภายนอกคือผลกระทบที่เกิดขึ้นนอกเหนือการควบคุมของกลไกลตลาด กล่าวคือ ผลกระทบเหล่านี้ไม่ได้ถูกคิด
ค านวณอยู่ในต้นทุนการผลิตหรือการบริโภค ดังนั้น กลไกของตลาดที่ใช้ราคาเป็นตัวก าหนดการแบ่งปัน
ทรัพยากรจึงไม่สามารถท างานได้อย่างสมบูรณ์
ประการที่สาม โครงสร้างตลาดจะต้องส่งเสริมให้สินค้าที่อยู่ในตลาดเป็นสินค้าเอกชน และปราศจาก
ปัญหาการฉวยโอกาส (Free Rider) เพื่อให้ผู้ขายในตลาดมีแสวงหารายได้ได้เพียงพอต้นทุนและมีความ
ต้องการจะเป็นผู้ขายต่อไปในตลาด
ประการที่สี่ โครงสร้างของตลาดต้องส่งเสริมให้มีข้อมูลสารสนเทศที่สมบูรณ์และสมมาตร ท าให้ผู้ซื้อ
และผู้ขายในตลาดสามารถมีข้อมูลมากพอประกอบการตัดสินอย่างมีเหตุผลได้
ตามแนวคิดกฎหมายและเศรษฐศาสตร์ กฎหมายถูกมองว่าเป็นโครงสร้างของระบบทุนนิยมเสรีดังนั้น
แล้วการใช้และตีความกฎหมายจึงควรเป็นไปในลักษณะที่ส่งเสริมปัจจัยทั้งสี่ข้อ เพื่อให้ระบบตลาดด าเนินการ
จัดสรรทรัพยากรในสังคมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งการใช้กฎหมายเพื่อส่งเสริม
ปัจจัยทั้งสี่อาจส่งผลในทางตรงข้ามและท าให้กฎหมายเข้าไปเป็นอุปสรรคเชิงโครงสร้างต่อการพัฒนาระบบ
ตลาดเสรีนิยมได้เช่นกัน ดังนั้น เมื่อการใช้กฎหมายล้วนแต่ส่งผลอย่างใกล้ชิดต่อระบบเศรษฐกิจ ผู้ใช้กฎหมาย
จึงต้องมีความระมัดระวังในการใช้กฎหมายอยู่เสมอ
(3) ประสิทธิภาพแบบพาเรโต (Pareto Efficiency)
ประสิทธิภาพแบบพาเรโตเป็นหลักเกณฑ์ในการตัดสินว่าการจัดสรรทรัพยากรในมีประสิทธิภาพ
หรือไม่โดยการเพิ่มประสิทธิภาพแบบพาเรโต หมายถึง การจัดสรรทรัพยากรทีท าให้สวัสดิการของสมาชิกใน
สังคมอย่างน้อยหนึ่งคนดีขึ้นโดยที่ไม่ท าให้สวัสดิการของคนอื่น ๆ ในสังคมลดลง ดังนั้นจึงไม่สนับสนุนการ
76
จัดสรรทรัพยากรเพื่อท าให้บุคคลหนึ่งมีสวัสดิการสูงขึ้นได้ โดยไม่ท าให้บุคคลอื่นมีสวัสดิการลดลง
(4) การใช้แบบจ าลองทางเศรษฐศาสตร์ในการวิเคราะห์ปัญหา
แม้ว่าเศรษฐศาสตร์อาจเป็นวิชาที่มีความเกี่ยวพันกับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างเด่นชัด แต่แท้จริงแล้ว
หัวใจหลักของวิชาเศรษฐศาสตร์ คือ วิชาที่ว่าด้วยการคัดเลือกวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในทรัพยากรที่
จ ากัด แต่แทนที่วิชาเศรษฐศาสตร์จะศึกษาวิธีการคัดเลือกดังกล่าวผ่านการทดลองหรือสังเกตเพื่อตั้งสมมุติฐาน
ดั่งวิชาวิทยาศาสตร์หรือจากการเก็บข้อมูลและศึกษาผู้คนดังวิชาสังคมศาสตร์ วิชาเศรษฐศาสตร์เลือกใช้วิธีการ
สร้างแบบจ าลองหรือโมเดลในการศึกษาแทนการทดลองกับสังคมจริง ๆ แบบจ าลองเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นจากการ
ข้ออนุมานถึงระบบสังคมและเศรษฐกิจก่อนจะแปรรูปข้ออนุมานทั้งหลายมาเป็นสมการความสัมพันธ์หรือ
รูปแบบกราฟ แบบจ าลองเหล่านี้มักใช้ในการอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจและสังคมหรือในหลายครั้งก็
ใช้ในการคาดเดาท านายพฤติกรรมต่าง ๆ ในระบบ เมื่อนักเศรษฐศาสตร์สร้างแบบจ าลองส าเร็จจึงน าไปปรับใช้
76 เพิ่งอ้าง, น.316.