Page 18 - kpiebook65053
P. 18
“ประเทศไทยในอนาคต Future Thailand : มิติที่ 2 สังคม ชนบท ท้องถิ่น” โดย สถาบันพระปกเกล้า
(3.1.1.3) น าเงินกองทุนดังกล่าวนี้ มาจัดสรรเป็นบ าเหน็จหรือ
บ านาญ ให้แก่เกษตรกรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
ถ้าหากประเทศไทยมีระบบสวัสดิการ ส าหรับเกษตรกรตามมาตรฐานดังกล่าวนี้
จะท าให้เกษตรกรไทย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในชนบท มีรายได้ที่มั่นคงหลังอายุ 60 ปี ซึ่งมีสมรรถภาพในการท างาน
น้อยลง หรืออาจไม่สามารถท างานได้เหมือนวัยแรงงาน ระบบกองทุนดังกล่าวนี้ จะช่วยจูงใจให้แรงงานรุ่นใหม่
มีความสนใจ ที่จะอยู่ในภาคเกษตรมากขึ้น และยังเป็นการลดความเหลื่อมล้ าทางเศรษฐกิจของผู้ประกอบ
อาชีพเกษตรกรรมได้อีกด้วย
(3.1.2) ขยายความคุ้มครองการประกันสังคมให้ครอบคลุมผู้ประกอบอาชีพ
เกษตรกรรมอิสระให้เป็นผู้ประกันตนอีกประเภทหนึ่ง ให้มีสิทธิในการเข้าถึงประโยชน์คุ้มครองได้เช่นเดียวกัน
ผู้ประกันตนประเภทอื่นๆ
(3.2) สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจโดยการพัฒนาระบบการออมของคนไทยทั้ง
ประเทศ โดยใช้วิธีการออมจากรายจ่ายด้วยมาตรการดังนี้
(3.2.1) ให้มีการออมจากการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยทุกๆคนจ่าย
ภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีการหักเป็นเงินออมแก่ผู้จ่ายภาษีจ านวนร้อยละ 3 และรัฐจ่ายสมทบร้อยละ 2 รวมเป็นมี
การออมทุกครั้งที่จ่ายเงินซื้อสินค้ารวมร้อยละ 5 ตลอดช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิดคนถึงอายุ 60 ปี โดยหักเงินออม
เข้าบัญชีเงินออมของผู้จ่ายภาษีตามหมายเลขบัตรประชาชน
(3.2.2) ให้มีการน าเงินออมจากภาษีมูลค่าเพิ่มรวมทั้งประเทศไปลงทุนเพื่อ
หารายได้เพิ่มและน ารายได้เพิ่มไปสะสมเฉลี่ยคืนให้แก่ประชาชน
(3.2.3) เมื่อคนไทยอายุครบ 60 ปี ให้มีการหักระบบการจ่ายคืนเงินออม
ในรูปของการเฉลี่ยคืนเป็นรายเดือนเพื่อเป็นรายได้ยังชีพส าหรับผู้สูงอายุ
การออมด้วยระบบนี้ จะท าให้คนไทยในอนาคตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปทุกคน มี
รายได้จากการออม ซึ่งจ านวนเงินสะสมจากการออม จะขึ้นอยู่กับรายจ่ายของแต่ละบุคคล มาตรการดังกล่าวนี้
จะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในชนบท ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ให้มีรายได้เพียงพอต่อการด ารงชีพ
4) การก าหนดนโยบายของรัฐบาลและพรรคการเมือง ไม่ควรมีนโยบายประชานิยมใน
ลักษณะให้ประชาชนคอยรับผลประโยชน์แต่เพียงอย่างเดียว หรือคอยพึ่งพาการช่วยเหลือจากรัฐเท่านั้น ซึ่งจะ
ส่งผลให้คนไทยเป็นพลเมืองที่เฉื่อยชาและคอยรับประโยชน์จากรัฐ (Passive citizen) ซึ่งจะมีผลให้พลเมือง
ไทยอ่อนแอลงเป็นอุปสรรคต่อการสร้างชุมชนจัดการตนเอง หากจะมีการใช้นโยบายประชานิยมควรเป็น
นโยบายประชานิยมที่ส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งของพลเมืองและชุมชน ให้พลเมืองได้มีส่วนร่วมในการ
บริหารจัดการและรับประโยชน์ และส่งผลต่อการเสริมสร้างคุณภาพสังคมและพลังทางสังคมของคนชนบท
เช่นการมีกองทุนพัฒนาทุนทางสังคมและวัฒนธรรม กองทุนแรงงานคืนถิ่น เป็นต้น
ข้อเสนอแนะเพื่อการศึกษาวิจัยต่อไป
จากการศึกษานี้ พบว่าการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสังคม ชนบท ท้องถิ่นของประเทศไทย มีความ
จ าเป็นเพื่อรองรับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในยุคชีวิตวิถีใหม่ จึงควรมีการศึกษาวิจัยเพื่อสร้าง
องค์ความรู้ ค้นหาแนวทางขับเคลื่อนนโยบายให้เป็นจริง ตลอดจนนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อน าไปประยุกต์ใช้ให้เกิด
สังคมที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เกิดคุณภาพสังคมที่ดี รวมทั้งประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี โดยมีประเด็น
ที่ควรท าการศึกษาวิจัย ที่ส าคัญ คือ การศึกษาแนวทางการสร้างความเข้มแข็งของสังคมชนบทท้องถิ่น
ด้วยการศึกษาเพื่อสร้างชุมชนจัดการตนเอง รูปแบบการกระจายอ านาจสู่ชุมชนอย่างแท้จริง และการ
17