Page 134 - kpi15476
P. 134

การประชุมวิชาการ
                                                                                          สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15   133


                      การถวายพระราชสมัญญาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราว่า “สมเด็จพระภัทรมหาราช”
                      และต่อมาในปี พ.ศ. 2539 มีการถวายใหม่ว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

                                                        12
                      มหาราช” และ “พระภูมิพลมหาราช”
                      II จากราชาปราชญ์ของขงจื่อ ธรรมราชาของพระเจ้าอโศก และราชา
                      ปราชญ์ของเพลโต สู่ กษัตริย์ผู้ทรงภูมิธรรม (the Enlightened

                      Absolutism)


                            นอกจากการยกย่องด้วย “มหาราช” แล้ว ในจารีตความคิดทางการเมืองตะวันตก ก็ยังมี
                      แนวคิดเรื่อง “ผู้ปกครองที่เป็นปราชญ์” หรือ “philosopher-ruler/king” ผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจ
                      จะต้องมีปัญญาความรู้และคุณธรรม ที่เกิดขึ้นในปรัชญาการเมืองของเพลโตตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ

                      ขณะเดียวกัน จารีตความคิดทางการเมืองตะวันออกของจีน ก็มีแนวคิดที่คล้ายๆ กันนี้ที่ปรากฎใน
                      ข้อเขียนของขงจื่อที่เป็นที่รู้จักกันในวงการวิชาการตะวันตกว่า “sage-king” ที่เมื่อแปลเป็นไทยแล้ว

                                                               13
                      ก็ได้ความไม่ต่างจาก “philosopher-king”  ของอินเดียก็แนวคิดเรื่อง “ธรรมราชา” ที่ได้รับ
                      อิทธิพลจากคติธรรมในพุทธศาสนา ทั้งสามแนวคิดดังกล่าวนี้ นั่นคือ “sage-king” “ธรรมราชา”
                      และ “philosopher-king” ต่างอุบัติขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันแต่หลัง “มหาราช” 14


                            แต่แนวคิดในการยกย่องกษัตริย์ที่อาจจะไม่ได้มีบริบทกำเนิดที่เก่าแก่ขนาด “มหาราช”

                      “ธรรมราชา” “philosopher-king” หรือ “sage-king” ก็คือ “Enlightened Absolutism” หรือ
                      อีกคำหนึ่งก็ยิ่งจะใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นอีก นั่นคือ “Enlightened Despotism” เพราะ
                      “enlightenment” เกิดขึ้นกับสามัญชนก่อน แล้วค่อยส่งอิทธิพลไปสู่กษัตริย์ ในขณะที่

                      “philosopher-king” ดูจะเป็นมนุษย์ที่มีธรรมชาติพิเศษและก็มีน้อยคนที่จะมีปัญญาคุณธรรม
                      เช่นนั้น เพราะปัญญาคุณธรรมความดีที่แท้จริงของเพลโตคืออะไรนั้น ก็ยังเป็นที่ถกเถียงและดูจะ

                      ลึกลับน่าพิศวง (mystic) แต่ “enlightenment” เกิดขึ้นในบริบทโลกสมัยใหม่ และมีเกณฑ์ที่ค่อน
                      ข้างชัดเจน


                            ตามตำรา A History of Scandinavia: Norway, Sweden, Denmark, Finland,
                      Iceland (London: George Allen & Unwin: 1979) ของ T.K. Derry ได้กล่าวไว้ว่า พระมารดา




                         12   http://th.wikipedia.org/wiki/พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
                         13   Fung Yu-lan, A History of Chinese Philosophy: Volume I The Period of the Philosophers
                      (from the beginnings to circa 100 B.C.) translated by Derk Bodde, (Princeton: Princeton University
                      Press: 1983, rpt.), p. 2. ยูลาน (Yu-lan) กล่าวว่า สำนักปรัชญาจีนเกือบทั้งหมด รวมทั้งขงจื่อได้สอนถึงวิถีที่เรียกว่า
                      “ภายในเป็นปราชญ์ ภายนอกเป็นกษัตริย์” (Inner Sage and Outer King) “ภายในเป็นปราชญ์” คือบุคคล
                      ที่บ่มเพาะคุณธรรมให้เกิดขึ้นภายในตัวเอง และ “ภายนอกเป็นกษัตริย์” คือ บุคคลที่สามารถกระทำการอันยิ่งใหญ่
                      ในโลกให้สำเร็จได้ หลักการดังกล่าวนี้ถือเป็นอุดมคติสูงสุดของมนุษย์ ที่สามารถมีทั้งคุณธรรมของความเป็นปราชญ์
                      และสามารถประสบความสำเร็จในทางฐานะของความเป็นผู้ปกครอง และได้เป็น “Sage-King” ซึ่งตรงกับ
                      “Philosopher-King” ในปรัชญาการเมืองของเพลโตนั่นเอง

                         14   ขงจื่ออยู่ในช่วง 551-479 ก่อนคริสตกาล “ธรรมราชา” เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศก นั่นคือ 304-232   เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย
                      ก่อนคริสตกาล และเพลโตมีชีวิตอยู่ในช่วง 427-347 ก่อนคริสตกาล
   129   130   131   132   133   134   135   136   137   138   139