Page 156 - kpi15476
P. 156
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15 155
ของอาดัมที่ปกครองเหนือคนในครอบครัวของเขา อำนาจของความเป็นพ่อเท่านั้นที่ชอบธรรม
สำหรับมนุษย์ในการปกครองเหนือมนุษย์ด้วยกัน ดังนั้น หากกษัตริย์ใช้พระราชอำนาจของตนใน
วิถีแบบ “พ่อปกครองลูก” ก็ถือว่าชอบธรรม อีกทั้งยังมีการนำคัมภีร์ไบเบิลตีความสนับสนุน
ระบอบปิตาธิปไตย โดยเฉพาะบทบัญญัติข้อที่ห้าที่ว่า “จงเคารพนับถือพ่อและแม่ของเจ้า” ถูก
ตีความว่า ให้เคารพนับถือพ่อแท้ๆ และเคารพนับถือองค์พระมหากษัตริย์ในฐานะพ่อของแผ่นดิน
แต่แนวคิดทางการเมืองการปกครองในแบบ “ภูมิธรรม” ไม่สามารถยอมรับวิธีคิดแบบนั้นได้
อีกต่อไป อย่างที่จอห์น ล็อก นักคิดชาวอังกฤษในศตวรรษที่สิบเจ็ด ผู้เป็นบิดาแห่งเสรี
ประชาธิปไตยได้ออกมาเขียนตอบโต้แนวคิด “ปิตาธิปไตย” ของฟิลเมอร์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าแนวคิด
ทางการเมืองการปกครองในแบบ “ภูมิธรรม” จะต้องปฏิเสธระบอบการปกครองที่มีพระมหา-
กษัตริย์เสมอไป แต่สิ่งที่แนวคิดทางการเมืองแบบ “ภูมิธรรม” ปฏิเสธคือ การอธิบายที่มาของ
พระราชอำนาจพระมหากษัตริย์โดยอ้างอิงกับอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าหรือคัมภีร์ไบเบิล (หรือ
ถ้าในกรณีของจีนก็อาจจะเป็นเรื่อง “อาณัติสวรรค์” หรือ “บุญญาภินิหาร” “บารมี” หรือ
“อวตาร” ในแบบของไทยหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) หรืออย่างในกรณีของโทมัส ฮอบส์
(Thomas Hobbes: 1588-1679) และแม้ว่า เมื่อเทียบกับล็อกแล้ว ล็อกจะมีแนวคิดที่ชัดเจน
ในความเป็น “ภูมิธรรม” มากกว่าฮอบส์) ก็ถือได้ว่าเป็นนักคิดที่อยู่ในแนว “ภูมิธรรม” แนวคิด
ทางการเมืองของฮอบส์ยังสนับสนุนระบอบการปกครองที่ผู้ปกครองมีอำนาจสมบูรณ์เด็ดขาดอยู่
(absolute power) นั่นคือ สนับสนุนระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่ฮอบส์ไม่ได้อธิบายที่มา
ของพระราชอำนาจของกษัตริย์โดยอ้างอิงกับพระผู้เป็นเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์-เหนือธรรมชาติอีกต่อไป
แต่เขาเป็นนักคิดทางการเมืองคนแรกๆที่อธิบายที่มาของพระราชอำนาจว่ามาจากประชาชน
ด้วยเขาเชื่อว่า ธรรมชาติได้สร้างมนุษย์ให้เท่าเทียมกันตั้งแต่แรก และไม่มีมนุษย์คนใดจะมีอำนาจ
เหนือมนุษย์คนอื่นได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางศาสนาหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ หรือแม้แต่การอ้าง
การมีอยู่ของคนที่แข็งแรงกว่าคนอื่นหรือแข็งแรงที่สุด ในทำนองที่เป็น “จ่าฝูง” ในแบบสัตว์
เพราะฮอบส์ไม่เชื่อว่าจะมีมนุษย์คนใดที่จะแข็งแรงกว่าคนอื่นไปได้ตลอด อีกทั้งเขาเชื่อว่า ใน
สภาวะธรรมชาติ คนที่อ่อนแอกว่าก็สามารถฆ่าคนที่แข็งแรงกว่าได้ ไม่ว่าจะด้วยการลอบกัดหรือ
หมาหมู่ ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะฮอบส์เชื่อว่า คนที่อ่อนแอที่สุดไม่ได้เป็นคนกิเลสตัณหาหรือความ
ต้องการอ่อนไปด้วย
แนวคิดทางการเมืองสมัยใหม่หรือในแบบ “ภูมิธรรม” ยอมรับหรือยอมให้มีพระมหากษัตริย์
ต่อไปได้ แต่ดำรงอยู่ต่อไปไม่ใช่ในฐานะของ “พ่อของแผ่นดิน” หรือ “ผู้ช่วยของพระผู้เป็นเจ้า”
หรือ “โอรสสวรรค์” หรือ “บุญญาบารมี” หรือเป็น “พระผู้มีพระภาค” แต่ดำรงอยู่ได้ในฐานะที่ได้
รับการยินยอมจากประชาชน เพราะอำนาจพื้นฐานทั้งหลายทั้งปวงเริ่มต้นที่มนุษย์แต่ละคนในการ
ดูแลชีวิตของตนเองตั้งแต่แรกเริ่มมีมนุษย์ขึ้นมาบนโลก กล่าวอีกครั้งหนึ่งว่า ด้วยเหตุนี้
“enlightened” จึงไปด้วยกันกับ “despot” ไม่ได้ เพราะการเมืองการปกครองแบบอำนาจ
เบ็ดเสร็จโดยผู้ปกครองเป็นผู้ผูกขาดและรู้ดีแต่ผู้เดียว (หรืออีกนัยหนึ่งคือ “คุณพ่อรู้ดี”) ว่าอะไร
คือสิ่งที่เป็นประโยชน์ของประชาชน (utilitarian and authoritarian politics) ย่อมขัดต่อหลักการ
ที่เคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล ที่คนแต่ละคนเป็นผู้กำหนดว่าอะไรคือสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย
ต่อตัวเขาเอง หรืออีกนัยหนึ่ง ประชาชนแต่ละคนสามารถเลือกที่จะกำหนดชีวิตของเขาเองได้