Page 152 - kpi15476
P. 152

การประชุมวิชาการ
                                                                                          สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15   151


                      ผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษพระองค์สุดท้ายที่เกิดนอกประเทศ หลังจากที่พระองค์เสด็จ
                      สวรรคตได้สองร้อยปี ประวัติศาสตร์ได้บันทึกถึงพระองค์ในลักษณะที่เหยียดหยาม โดยกล่าวถึง

                      พระองค์ไว้ว่า พระองค์ทรงหมกหมุ่นอยู่แต่บรรดานางสนมต่างๆ ของพระองค์ อีกทั้งยังทรง
                      ตะกละและหยาบคาย อีกทั้งยังทรงขี้หงุดหงิดและอารมณ์ร้อนอีกด้วย    39


                            ส่วนพระเจ้าหลุยส์ที่สิบห้าแห่งฝรั่งเศสนั้น อาจจะด้วยความสำเร็จอันใหญ่ยิ่งในการบริหาร
                      ราชการแผ่นดินของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ผู้ทรงเป็นพระมหาปัยกาธิบดี (ทวด) และครองราชย์ก่อน

                      พระองค์ ทำให้พระเจ้าหลุยส์ที่สิบห้ากลับมิได้ทรงใส่ในพระราชหฤทัยอย่างจริงจังในการบริหาร
                      ราชการแผ่นดิน อีกทั้งพระองค์ยังทรงหมกหมุ่นอยู่กับเหล่านางสนมของพระองค์ และปล่อยให้
                      นางเหล่านั้นเข้าแทรกแซงการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะการแต่งตั้งและถอดถอนบรรดา

                      เสนาบดีต่างๆ แม้ในยามที่พระองค์ต้องทรงงานด้วยพระองค์เอง พระองค์ต้องทรงต้องพึ่งพระราช-
                      บันทึกคำสอนที่พระเจ้าหลุยส์ที่สิบห้าได้ทรงทิ้งไว้ให้เป็นเสมือนหนึ่งคู่มือ (manual) โดยต้องทรง

                      อ่านพระราชบันทึกดังกล่าวกลับไปกลับอยู่หลายครั้ง เพื่อทำความเข้าใจว่าในที่สุดแล้วพระองค์
                      ต้องทรงตัดสินพระทัยอย่างไร เช่น ข้อความตอนหนึ่งในหนังสือคู่มือกล่าวว่า “ต้องฟังเสียง
                      ประชาชน ปรึกษาสภาอภิรัฐมนตรี แต่ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง” พระเจ้าหลุยส์ที่สิบห้าไม่ทรง

                      ประสบความสำเร็จในการบริหารราชการแผ่นดิน  อีกทั้งในช่วงปลายรัชสมัยของพระองค์
                      ก็มีสัญญาณเด่นชัดถึงการที่ทรงไม่เป็นที่นิยมของราษฎร รวมทั้งมีความพยายามในการลอบปลง

                      พระชนม์อีกด้วย

                            ไครเกอร์ได้กล่าวถึงพระมหากษัตริย์อังกฤษและฝรั่งเศสที่ทรงครองราชย์ต่อจาก

                      สองพระองค์ข้างต้นข้างต้นว่า ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าจอร์จที่สาม (George III: 1738-1820) หรือ
                      พระเจ้าหลุยส์ที่สิบหก (Louis XVI:1754-1793) ทั้งสองพระองค์ก็ไม่ทรงพระปรีชาสามารถ

                      ปราดเปรื่องเพียงพอที่จะทำอะไรที่จะเข้าข่าย “enlightened despot” ได้เลย นอกจากพระเจ้า
                      จอร์จที่สามจะทรงพระประชวรแล้ว พระองค์ยังประสบความล้มเหลวจากการสูญเสียอาณานิคมใน
                      อเมริกาด้วย และพระองค์ก็ทรงถูกจดจำในฐานะที่เป็น “พระเจ้าแผ่นดินที่วิปลาส” (The Mad

                      King)
                           40

                            ส่วนพระเจ้าหลุยสี่สิบหกก็เป็นกษัตริย์ที่ทรงโปรดการเสพย์แลบริโภคมาก ทอมสัน (J.M.
                      Thompson: Lectures on Foreign History: 1494-1789) ได้กล่าวถึงพระองค์ไว้ว่า “ข้อบกพร่อง
                      ของพระองค์อาจเป็นข้อดีถ้าพระองค์เป็นสามัญชน และข้อดีของพระองค์กลับกลายเป็นข้อ

                      บกพร่องของบุคคลที่ทรงสถานะพระมหากษัตริย์ พระองค์ไม่สามารถรับบทบาทที่ต้องการความ
                      สง่าน่าเกรงขาม เช่นในพระราชพิธีในราชสำนัก ชาวอังกฤษผู้หนึ่งที่เคยเข้าเฝ้าที่พระราชวัง

                      แวร์ซายส์ในปี ค.ศ. 1774 กล่าวว่า ‘พระเจ้าอยู่หัวให้ความสนพระทัยกับคนที่เข้าเฝ้าน้อยกว่าที่คน
                      เราให้กับแมวหรือสุนัขเสียอีก เพราะพระองค์ไม่ได้แม้แต่ทอดพระเนตรมาทางคนเหล่านั้น’
                      ‘พระองค์มีสายพระเนตรสั้นจนกระทั่งจำคนที่อยู่ห่างมาสัก 2 ก้าวก็ไม่ได้ พระองค์มีพระวรกาย

                      อ้วน สูงปานกลาง พระอังศายก ทรงมีรูปร่างที่เลวที่สุด พระองค์มีท่าทางแบบชาวนา และไม่มี

                         39   http://en.wikipedia.org/wiki/George_III_of_the_United_Kingdom                              เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย
                         40   http://en.wikipedia.org/wiki/George_III_of_the_United_Kingdom
   147   148   149   150   151   152   153   154   155   156   157