Page 214 - kpi15476
P. 214
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15 213
อนึ่ง แม้ว่าตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญจะได้บัญญัติไว้ว่าให้ปฏิบัติตามข้อความข้างต้น แต่
ตามธรรมเนียมปฏิบัติทางรัฐธรรมนูญ (Constitutional conventions) ของไทยแล้ว ในกรณีที่
พระมหากษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบในร่างกฎหมายใด หรือไม่พระราชทานร่างกฎหมายใดคืนมา
ภายใน 90 วัน รัฐสภาจะไม่นำร่างกฎหมายนั้นกลับมาพิจารณาเพื่อยืนยันใหม่ แต่จะให้ร่าง
กฎหมายนั้นตกไป แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะเปิดช่องให้นำกลับมาพิจารณาใหม่ได้ก็ตาม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้น
อยู่กับพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ด้วย (ปิยบุตร แสงกนกกุล, 2550,
น.20) แต่โดยปกติแล้ว พระมหากษัตริย์จะทรงรับร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา
เสมอ (เจษฎา พรไชยา, 2546, น.131)
พระราชอำนาจที่มิได้ทรงริเริ่มซึ่งเกี่ยวข้องกับฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ
ซึ่งทั้ง 3 ฝ่ายนี้ เป็นองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ โดยพระมหากษัตริย์จะทรงใช้
อำนาจอธิปไตยตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่าจะทรงใช้อย่างไร ผ่านใคร
ในสถานการณ์ใด และในเวลาใด ในที่นี้จึงมิได้หมายความว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเจ้าของ
อำนาจอธิปไตย เพียงแต่ทรงมี “พระราชอำนาจ” ในการใช้อำนาจอธิปไตยผ่านทางองค์กรทั้ง
3 ฝ่ายตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้เท่านั้น (พูนศักดิ์ วรรณพงษ์, 2538, น.77) ดังบทบัญญัติ
แห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 ที่ได้กล่าวไว้ว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์
ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นผ่านทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่ง
รัฐธรรมนูญนี้” โดยการใช้อำนาจในส่วนนี้ของพระมหากษัตริย์ จะต้องมีผู้ถวายคำแนะนำและมี
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการเสมอ (ปิยบุตร แสงกนกกุล, 2550, น.18-21) จึงกล่าวได้ว่าเป็น
พระราชอำนาจที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงริเริ่มใช้ด้วยพระองค์เองซึ่งพระราชอำนาจที่ทรงใช้ผ่าน
ทางองค์กรแต่ละฝ่ายมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ฝ่ายนิติบัญญัติ ทรงใช้พระราชอำนาจผ่านทางรัฐสภา โดยพระราชอำนาจเหล่านั้นได้แก่
พระราชอำนาจทรงเรียกประชุมและปิดประชุมรัฐสภา, พระราชอำนาจในการยุบสภาผู้แทน
ราษฎร, พระราชอำนาจในการลงพระปรมาภิไธยกฎหมายให้มีผลบังคับใช้, พระราชอำนาจในการ
แต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลตามคำแนะนำของรัฐสภา
ฝ่ายบริหาร ทรงใช้พระราชอำนาจผ่านทางคณะรัฐมนตรี โดยพระราชอำนาจเหล่านั้นได้แก่
พระราชอำนาจในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี, พระราชอำนาจในการแต่งหรือถอดถอนรัฐมนตรี,
พระราชอำนาจในการตราพระราชกำหนดและพระราชกฤษฎีกา, พระราชอำนาจในการประกาศ
สงคราม, พระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่นกับ
นานาประเทศ, พระราชอำนาจในการถอดถอนฐานันดรศักดิ์ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์,
พระราชอำนาจในการแต่งตั้งข้าราชการทหารและพลเรือนระดับสูง
ฝ่ายตุลาการ ทรงใช้พระราชอำนาจผ่านทางศาล โดยพระราชอำนาจเหล่านี้ได้แก่ พระราช
อำนาจทรงแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ, พระราชอำนาจในการพิพากษาคดี (กระทำใน
พระปรมาภิไธย), พระราชอำนาจทรงแต่งตั้งหรือให้ผู้พิพากษาในศาลยุติธรรมพ้นจากตำแหน่ง,
พระราชอำนาจทรงแต่งตั้งหรือให้ประธานศาลปกครองสูงสุดและตุลาการศาลปกครองสูงสุด เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย
พ้นจากตำแหน่ง, พระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ