Page 209 - kpi15476
P. 209

20      การประชุมวิชาการ
                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15


                  พระองค์ดำรงอยู่จะแตกต่างจากแนวคิดธรรมราชาและราชาปราชญ์ก็ตาม กล่าวคือ พระมหา
                  กษัตริย์ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทย จะทรงดำรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

                  อันเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ แต่บริบทดังกล่าว ก็มิได้เป็นอุปสรรคขัดขวางใน
                  การปฏิบัติพระองค์เป็นธรรมราชาและราชาปราชญ์เลย เพราะพระมหากษัตริย์ภายใต้ระบอบการ
                  ปกครองแบบประชาธิปไตยของไทยสามารถที่จะปรับพระองค์ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของ

                  กฎหมายได้ ประกอบกับตัวกฎหมายเองก็มีการคำนึงถึงบริบทของสังคมไทยดั้งเดิมที่มีพระมหา
                  กษัตริย์ปกครองด้วย จึงส่งผลให้พระมหากษัตริย์ไทยยังทรงสามารถปฏิบัติพระองค์เพื่อประโยชน์

                  สุขของประชาชนได้โดยการใช้ความรู้ความสามารถและคุณธรรมในการปกครอง ตามแนวคิด
                  ธรรมราชาและราชาปราชญ์ เพียงแต่รูปแบบของสิ่งที่พระมหากษัตริย์ไทยในการปกครองระบอบ
                  ประชาธิปไตยทรงกระทำจะมีความแตกต่างจากพระมหากษัตริย์ไทยในการปกครองระบอบ

                  สมบูรณาญาสิทธิราชก็ตาม ดังที่จะได้กล่าวต่อไป


                       เมื่อสำรวจลักษณะของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีมาตั้งแต่อดีต จะสังเกตได้ว่า รูปแบบของ
                  ความเชื่อเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทยนั้น ได้มี “พัฒนาการ” มาอย่างต่อเนื่อง
                  ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะปรับให้เข้ากับแนวความคิดและอุดมการณ์ต่างๆ ที่ไหลผ่านเข้ามาจากชาติตะวันตก

                  นั่นเอง โดยเฉพาะในสังคมสมัยรัตนโกสินทร์ ที่ดูเหมือนความเชื่อเกี่ยวกับสถาบันพระมหา
                  กษัตริย์จะมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก และหนึ่งใน

                  อุดมการณ์สำคัญที่เข้ามาในสังคมไทย จนเป็นสาเหตุให้สถาบันพระมหากษัตริย์จำเป็นที่จะต้องมี
                  การปรับเปลี่ยนคติความเชื่อที่มีมาแต่เดิมก็คือ อุดมการณ์แห่งความเป็นประชาธิปไตย
                  ซึ่งอุดมการณ์ชุดนี้ เป็นอุดมการณ์ที่มีการแพร่เข้ามาจากประเทศตะวันตก ผ่านทางการติดต่อ

                  สื่อสารกันระหว่างประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งทางด้านการทูต การค้า และการศึกษา โดย
                  อุดมการณ์ชุดดังกล่าวได้ค่อยๆแผ่อิทธิพลเข้าครอบงำความคิดของชนชั้นปกครองในประเทศไทย

                  ประกอบกับมีการเดินทางไปศึกษายังต่างประเทศของบุคคลที่อยู่ในชนชั้นปกครองด้วย จึงทำให้
                  อุดมการณ์ชุดนี้ยิ่งมี “พลัง” ในการที่จะกำหนดความคิดและการกระทำของชนชั้นปกครองของไทย
                  มากยิ่งขึ้น จนในที่สุดจึงได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช

                  มาเป็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ตามลักษณะของ
                  อุดมการณ์ที่ได้แพร่เข้ามา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งที่พลิกโฉมหน้าของ

                  สังคมไทยค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในด้านที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ถึงแม้ว่าในระยะ
                  แรกที่อุดมการณ์แห่งความเป็นประชาธิปไตยได้แพร่เข้ามา สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ได้มีการ
                  ปรับเปลี่ยนลักษณะของตนเองให้มีความสอดคล้องกับสภาพสังคมไปวาระหนึ่งแล้วก็ตาม โดยหลัง

                  จากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเกิดขึ้น พระราชสถานะของพระมหากษัตริย์ที่แต่เดิมทรงเป็น
                  รัฏฐาธิปัตย์ (Sovereign) ก็หมดไป และได้เปลี่ยนพระราชสถานะมาเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้
        เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย   กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ รัฐธรรมนูญนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ให้
                  รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy) แทน (ธานินทร์ กรัยวิเชียร, 2520, น.23) หรือถ้าจะ


                  อยู่ในขอบเขตมากยิ่งขึ้นนั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นผลให้พระมหากษัตริย์ 2 รัชกาลต่อมา คือ

                  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
                  ทรงมีพระราชอำนาจในการปกครองที่จำกัดมากกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์อื่นๆ ในอดีต
   204   205   206   207   208   209   210   211   212   213   214