Page 213 - kpi15476
P. 213

212     การประชุมวิชาการ
                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15


                  โบราณกาล ดังเช่น ในสมัยสุโขทัย ที่มีการแขวนกระดิ่งร้องทุกข์ไว้สำหรับราษฎร โดยในที่นี้
                  พระมหากษัตริย์จึงเปรียบเสมือน “พ่อ” ที่คอยประสิทธิประสาทความยุติธรรมให้แก่ “ลูก” แต่

                  สำหรับในกรณีของการขอพระราชทานอภัยโทษนั้น มิได้หมายความว่าพระมหากษัตริย์จะทรง
                  เข้าไปก้าวล่วงในความผิดถูกชอบธรรมของคำพิพากษาของศาลแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการที่
                  ราษฎรเข้ามาขอพระมหากรุณาโดยแท้เท่านั้น (ธงทอง จันทรางศุ, 2529, น.153)


                       พระราชอำนาจ - ในที่นี้ สามารถแบ่งพระราชอำนาจออกได้เป็น 3 ประเภทคือ พระราช

                  อำนาจที่ทรงริเริ่มและเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย, พระราชอำนาจที่ทรงริเริ่มแต่อาจไม่เป็นไป
                  ตามพระราชอัธยาศัย, พระราชอำนาจที่มิได้ทรงริเริ่มซึ่งเกี่ยวข้องกับฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร
                  และฝ่ายตุลาการ ซึ่งพระราชอำนาจทั้ง 3 ประเภทนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นพระราชอำนาจที่อยู่ในกรอบ

                  ของบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น เพียงแต่แยกออกมาเพื่อให้เห็นได้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น โดยมี
                  รายละเอียดดังต่อไปนี้


                       พระราชอำนาจที่ทรงริเริ่มและเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย หมายถึง พระราชอำนาจที่
                  พระมหากษัตริย์สามารถที่จะใช้ได้โดยอิสระ ปราศจากการชี้นำของผู้อื่น และสิ่งที่ทรงรับสั่ง

                  ออกไปนั้น ก็จะถูกนำไปบังคับใช้ได้ตรงตามพระราชประสงค์ทุกประการ โดยเราสามารถเรียก
                  พระราชอำนาจประเภทนี้ได้อีกอย่างหนึ่งว่า “พระราชอำนาจโดยแท้” ซึ่งพระราชอำนาจประเภทนี้

                  ได้แก่ พระราชอำนาจในการทรงเลือก แต่งตั้งหรือถอดถอนองคมนตรี, พระราชอำนาจแต่งตั้ง
                  หรือถอดถอนข้าราชการในพระองค์และสมุหราชองครักษ์, พระราชอำนาจในการแต่งตั้งผู้สำเร็จ
                  ราชการแผ่นดิน, พระราชอำนาจริเริ่มในการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการการสืบ

                  ราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467  และพระราชอำนาจในการแต่งตั้งองค์รัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาล
                  ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467


                       พระราชอำนาจที่ทรงริเริ่มแต่อาจไม่เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย หมายถึง พระราชอำนาจที่
                  พระมหากษัตริย์ทรงใช้เมื่อเห็นว่า สิ่งที่มีผู้เสนอให้ทรงลงพระปรมาภิไธยเพื่อบังคับใช้ในประเทศนั้น

                  เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร จึงทรงสามารถปฏิเสธการลงพระปรมาภิไธยได้
                  แต่ทั้งนี้ เมื่อพระมหากษัตริย์มิได้ทรงลงพระปรมาภิไธย ฝ่ายผู้เสนอเองก็สามารถที่จะนำสิ่งนั้น

                  ไปบังคับใช้ได้หากเป็นไปตามกฎเกณฑ์แห่งรัฐธรรมนูญ ซึ่งพระราชอำนาจประเภทนี้ได้แก่
                  พระราชอำนาจในการทรงยับยั้งร่างกฎหมาย ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่กำหนดว่า กรณีที่
                  พระมหากษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบด้วยในร่างรัฐธรรมนูญหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบ

                  รัฐธรรมนูญและพระราชทานคืนมายังสภา หรือเมื่อพ้นกำหนด 90 วัน แล้วมิได้พระราชทาน
                  คืนมา รัฐสภาจะต้องพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ

                  นั้นใหม่ ถ้ารัฐสภามีมติยืนยันตามเดิมด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสาม ให้นายกรัฐมนตรี
        เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย   ถวายอีกครั้ง หากพระมหากษัตริย์มิได้ทรงลงพระปรมาภิไธยภายในสามสิบวัน ให้นายกรัฐมนตรี
                  นำร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม



                  นำพระราชบัญญัติหรือพระราชบัญญัติประกอบร่างรัฐธรรมนูญนั้นประกาศในราชกิจจานุเบกษา
                  สามารถใช้บังคับเป็นกฎหมายได้เสมือนหนึ่งว่าพระมหากษัตริย์ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว

                  (ปิยบุตร แสงกนกกุล, 2550, น.19)
   208   209   210   211   212   213   214   215   216   217   218