Page 238 - kpi15476
P. 238

การประชุมวิชาการ
                                                                                          สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15   23


                      พันธะหน้าที่ต่อรัฐและหน้าที่ต่อครอบครัว:

                      ปรัชญาขงจื่อในคัมภีร์หลุนอวี่และปรัชญาฮินดูในมหากาพย์มหาภารตยุทธ

                            ในการพิจารณาตัวบทในคัมภีร์หลุนอวี่และมหากาพย์มหาภารตยุทธ ก่อนอื่นเราจำเป็นต้อง

                      พิจารณาถึงบริบทของตัวบทด้วยส่วนหนึ่ง อันเป็นสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวเนื่องกับตัวบทเพื่อให้เข้าใจ
                      ตัวบทได้มากขึ้น โดยทั้งสองปรัชญาต่างเกิดขึ้นในบริบทที่มีความวุ่นวายของระเบียบทางสังคม
                      กล่าวคือ มหาภารตยุทธเป็นมหากาพย์ที่พรรณนาถึงความเป็นอยู่ของชาวอารยันในช่วงกำลังสร้าง

                      ความเป็นปึกแผ่นให้กับอาณาจักรของตนเองโดยมีการทำสงครามระหว่างชาวอารยันด้วยกันเอง
                      ส่วนปรัชญาขงจื่อเกิดขึ้นภายใต้บริบทแห่งยุคเสื่อมของระบบศักดินาในสมัยราชวงศ์โจวซึ่งรัฐเล็ก

                      รัฐน้อยต่างพยายามแย่งชิงอำนาจกันอยู่ ดังนั้นความยุ่งยากทางสังคมจึงถือเป็นข้อเท็จจริงที่เป็น
                      ปัญหาของบริบทสังคมสมัยนั้น ภายใต้สภาพปัญหาดังกล่าว การแสวงหาคำตอบจึงเกิดขึ้นเพื่อ
                      พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมที่วุ่นวายให้เป็นไปในทิศทางที่เชื่อกันว่าจะเป็นแนวทางที่ดีขึ้นใน

                      การนำไปสู่ความเป็นระเบียบของสังคม


                      ปรัชญาขงจื่อในคัมภีร์หลุนอวี่




                            จากการศึกษาปรัชญาขงจื่อ แนวคิดครอบครัวในบางตัวบทจะเน้นความสัมพันธ์ที่มีความ
                      ใกล้ชิดกับบิดามารดามากที่สุดในบรรดาความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ และให้ความสำคัญมากกว่า
                      บรรพชนที่อยู่อันไกลโพ้น ดังขงจื่อกล่าวว่า “ยามบิดายังอยู่ จงเฝ้าดูที่ปณิธาน ยามบิดาวายปราณ

                      จงเฝ้าดูที่ปฏิปทา หาก 3 ปีมิได้หันเหไปจากมรรคาแห่งบิดาก็ถือว่ากตัญญูแล้วแล” (คัมภีร์หลุนอวี่,
                      2549:120) ดังนั้นหากบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ก็จะต้องให้ความใกล้ชิด หรือแม้นบิดามารดาเสีย

                      ชีวิตแล้วก็ตามจะต้องให้ความเคารพบูชาเสมือนประหนึ่งท่านอยู่ตรงหน้า (คัมภีร์หลุนอวี่,
                      2549:141) และนอกเหนือจากการไหว้ผีบรรพบุรุษแล้วการนับถือผีอื่นที่มิควรไหว้ ขงจื่อจะถือว่า
                      เป็นการประจบเพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง (คัมภีร์หลุนอวี่, 2549:123) ในแนวคิดครอบครัว

                      จะมีหลักความกตัญญูอันเป็นหลักการสำคัญของปรัชญาขงจื่อซึ่งสามารถแสดงออกได้หลาย
                      รูปแบบ แม้ในยามที่บุพการีสิ้นชีวิตแล้ว ก็ยังสามารถแสดงความกตัญญูได้โดยการไว้ทุกข์และ

                      แสดงความเศร้าโศกที่ออกมาจากจิตใจที่แท้จริง ดังตัวบทที่ว่า “การไว้ทุกข์แห่งวิญญูชน หากได้
                      ทานโภชนาอันโอชะก็จะมิรู้สึกอร่อย ได้ฟังดนตรีอันเสนาะก็จะมิรู้สึกสำราญ พำนักในนิวาส
                      อันโอฬารก็มิรู้สึกสบายตัว” (คัมภีร์หลุนอวี่, 2549:330) และ “ปกติคนเราจะไม่แสดงความรู้สึก

                      ที่แท้จริงออกมา หากจะมีก็คงเป็นเพลาที่สูญเสียบุพการีแล” (คัมภีร์หลุนอวี่, 2549:345)
                      นอกจากนี้ขงจื่อยังได้โยงหลักความกตัญญูที่มีในครอบครัวมาสู่การบริหารบ้านเมืองในโครงสร้างที่

                      ใหญ่กว่าด้วย ดังตัวบทที่ว่า

                               มีคนถามขงจื่อว่า “ไฉนท่านไม่ทำงานบริหารบ้านเมือง?” ขงจื่อตอบว่า “ในคัมภีร์

                         ซั่งซูกล่าวว่าผู้ที่รู้กตัญญู ก็จักอารีต่อภาดา ดังนั้นหากสามารถทำได้ดีในระดับครอบครัว
                         เช่นนี้ก็ถือเป็นการบริหารบ้านเมืองแล้ว ฉะนั้น ข้าไยต้องรับราชการแล้วจึงจะถือว่า
                         เป็นการบริหารบ้านเมืองด้วยเล่า?”  (คัมภีร์หลุนอวี่, 2549:132)                                   เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย
   233   234   235   236   237   238   239   240   241   242   243