Page 282 - kpi15476
P. 282
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15 2 1
ในการเมือง ซึ่งกลุ่มการเมืองนี้อาจมีอย่างน้อย 4 กลุ่มใหญ่ด้วยกันภายใต้ระบอบรัฐธรรมนูญ
ที่ก่อตั้งขึ้น กลุ่มแรกนำโดยเจ้านายหรือเชื้อพระวงศ์ อาจเรียกเป็นคณะเจ้านาย (the royal
family) กลุ่มที่สองมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ระดับเจ้าพระยาและพระยาเป็นแกนนำ จัดเป็นกลุ่มขุนนาง
เก่า (the aristocracy) กลุ่มที่สามคือคณะราษฎร (the People’s Party) ประกอบด้วย
ข้าราชการระดับกลาง-ล่างและอาชีพอิสระ และกลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(ประเภทหนึ่ง) หรืออาจจัดเป็นกลุ่มผู้นำท้องถิ่น (the local elite) ประกอบด้วยผู้คนหลากหลาย
ทางภูมิหลังจากหัวเมืองหรือชายขอบ ตั้งแต่ตระกูลเจ้าเมืองเก่า ข้าราชการระดับกลาง-ล่าง พ่อค้า
ชาวจีนและลูกหลานชาวนา
กลุ่มการเมืองทั้ง 4 กลุ่มนี้มีทั้งส่วนที่เคยมีบทบาทและอิทธิพลในระบอบเก่าและผู้ที่มากับ
ระบอบใหม่ทั้งส่วนกลางและชายขอบ และถือเป็นผู้เล่นหลักในการเมืองสมัยรัชกาลที่ 7 และยัง
เป็นผู้ที่มีบทบาทและอิทธิพลในการเมืองไทยต่อเนื่องตลอดช่วง 20 ปีแรกของก่อตัวระบอบการ
ปกครองใหม่หลังปี 2475 และแน่นอนว่า พวกเขาย่อมเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องราว
ของความสำเร็จและความล้มเหลวของแนวทางสันติวิธีและการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ทั้งในฐานะผู้สร้างเงื่อนไขและหรือในฐานะผู้พยายามปรับเปลี่ยนเงื่อนไขนั้นให้เป็นไปตามหลักการ
และความต้องการของแต่ละฝ่าย โดยอาจมีทั้งการต่อสู้ตามวิถีทางรัฐสภา และการต่อต้านด้วย
การใช้กำลังความรุนแรง พร้อมด้วยเหตุผลที่จะกล่าวฝ่ายตรงข้ามว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แต่
สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือ สะท้อนให้เห็นชัดว่าทุกกลุ่มยังไม่รู้จักยอมกันบ้าง ทั้งในเรื่องการจัดสรร
อำนาจและผลประโยชน์ จึงเกิดการไม่ยอมรับซึ่งกันและกันเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นกรณีคู่ระหว่าง
ทหารกับพลเรือน และฝ่ายพลเรือนด้วยกัน ดังนั้นประเด็นพื้นฐานทางหลักการและเหตุผลที่ถูก
หยิบยกขึ้นในการต่อสู้ของเรื่องนี้คงหลีกเลี่ยงไม่พ้น ใครเป็นฝ่ายประชาธิปไตยหรือใช้แนวทาง
สันติวิธีคือพระเอก และใครเป็นฝ่ายตรงกันข้ามย่อมกลายเป็นผู้ร้ายนั่นเอง
แต่ควรตระหนักและเข้าใจร่วมกันไว้ว่าในทางการเมืองแล้ว เส้นขีดแบ่งระหว่างผู้ร้ายกับ
พระเอกนั้นบางมากๆ เพราะเส้นแบ่งระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการและสันติวิธีกับความ
รุนแรงก็เป็นเช่นนั้นจริง โดยเฉพาะในบริบทของสังคมการเมืองไทย ฉะนั้นจึงไม่ควรมุ่งการมอง
พินิจแต่พระเอกกับผู้ร้าย หรือเพียงรูปแบบและเนื้อหาทางประชาธิปไตยกับเผด็จการ และสันติวิธี
กับการใช้กำลังเท่านั้น เพราะเป็นเพียงมายาภาพของความขัดแย้งและการต่อสู้ทางการเมือง
ที่ปรากฏขึ้นบนระดับผิวน้ำ แต่ควรต้องทำความเข้าใจบริบทและข้อเท็จจริงที่อยู่เบื้องหลังของฉาก
มากกว่า หรือสิ่งที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นในระดับใต้น้ำว่า กลุ่มการเมืองทั้ง 4 นั้นมีปัญหาความ
ขัดแย้งหลักๆ เรื่องอะไร ทำไมพวกเขาจึงไม่สามารถตกลงหรือประนีประนอมกันได้ และการ
ตกลงกันไม่ได้นี้มีความสำคัญอะไรกับพวกเขาในสมัยนั้นซึ่งมักจบลงด้วยการใช้กำลัง และยัง
ส่งสารมีความหมายสำหรับเราในสมัยปัจจุบันหรือไม่ อย่างไร
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตยหรือการแก้ไขปัญหาความ
ขัดแย้งด้วยแนวทางสันติวิธีก็ดี มีสาเหตุพื้นฐานหรือปัญหาหลักอยู่ตรงไหน คืออยู่ที่ตัวระบบ
การเมืองที่นำเข้าหรืออยู่ที่คนไทยเราเอง ถ้าอยู่ที่ตัวระบอบประชาธิปไตย อาจเถียงกันไม่รู้จบ เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย
เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่ามีตัวแบบประชาธิปไตยให้เลือกให้อ้างกันได้มากกว่า 300 แบบ แต่ถ้า