Page 380 - kpi15476
P. 380

การประชุมวิชาการ
                                                                                          สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15   3 9


                      ก็ทรงแสดงความสนพระทัยที่จะประทับอยู่ต่อเพราะทรงเรียนทางการทหารมาโดยตรง ทรงได้เคย
                      เป็นทหารในกองทัพอังกฤษอยู่ก่อนสงคราม มีพระสหายร่วมรุ่นที่ออกทำการรบอยู่ในขณะนั้น แต่

                      ก็ทรงเชื่อฟังพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ได้เสด็จไปทูลลาพระเจ้ายอร์ชและเสด็จนิวัติพระนครเพื่อรับ
                      ใช้สนองพระเดชพระคุณแผ่นดินจนเต็มความสามารถแม้ในขณะนั้นจะไม่ทรงมีโอกาสที่จะขึ้นครอง
                      ราชย์อยู่เลยก็ตาม


                            การเสด็จนิวัติพระนครหลังจบการศึกษาครั้งนั้นของพระองค์ นับเป็นการแสดงความยืนยัน

                      ในความจงรักภักดีที่ทรงมีต่อแผ่นดินสยาม และทรงยอมรับที่จะอุทิศพระองค์ให้กับแผ่นดินไม่ว่า
                      ชะตาชีวิตจะเป็นอย่างไร เนื่องจากได้ทรงได้มีพระราชสมภพมาเป็นพระราชโอรสองค์สุดท้ายของ
                      พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 จึงมีหน้าที่ความรับผิดชอบที่ไม่ทรงหลีก

                      เลี่ยง นับเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญยิ่งในพระชนม์ชีพของสมเด็จพระปกเกล้าและเป็นเหตุการณ์ที่
                      สำคัญต่อประเทศไทยในระยะต่อมา


                            พระองค์ได้เสด็จกลับมา และทรงเข้ารับราชการในตำแหน่งนายทหารคนสนิทพิเศษของ
                      จอมพล สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถซึ่งเป็นพระเชษฐาใน

                      พระองค์ ต่อมาพระองค์ได้เลื่อนเป็นผู้บังคับกองร้อยทหารปืนใหญ่รักษาพระองค์และเป็นร้อยเอก
                      ได้เสด็จเข้ารับราชการประจำกรมบัญชาการกองพันน้อยที่ 2 ในตำแหน่งนายทหารเสนาธิการและ

                      เลื่อนเป็นนายพันตรี แล้วเป็นพันโทบังคับการโรงเรียนนายร้อยชั้นประถมตามลำดับ

                            เมื่อมีพระชนม์ครบ 2 รอบนักษัตรไทยแล้ว ก็ทรงลาราชการเพื่อเสด็จออกผนวชตาม

                      พระราชประเพณี ณ อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อปี พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) โดยมี
                      สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นพระอุปัชฌาย์ ระหว่างที่ผนวชนั้น

                      สมเด็จพระอุปัชฌาย์ได้ทรงสังเกตพระราชนิสัยรักสงบสันโดษ จึงทรงปรารภว่า พระองค์นั้นเป็น
                      พระอนุชาพระองค์เล็กสุด คงไม่ได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นแน่ จึงทรงชวนให้พระองค์อยู่ใน
                      สมณเพศตลอดไป เพื่อจะได้ช่วยปกครองสังฆมณฑลให้เจริญก้าวหน้าสืบไป แต่สมเด็จพระปกเกล้า

                      ได้ทูลตอบว่าได้ทรงกำหนดหมายที่จะอภิเษกสมรสกับหม่อมเจ้ารำไพพรรณี สวัสดิวัตน์เสียก่อน
                      หน้านี้แล้ว


                            เมื่อทรงสึกออกมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงตรัสขอหม่อมเจ้า

                      รำไพพรรณี สวัสดิวัตน์จากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวันวิศิษฎ์พระราชบิดาทรง
                      พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกอบพระราชพิธีอภิเษกสมรสพระราชทานที่ ตำหนัก ณ วังศุโขทัย
                      ซึ่งสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรม-ราชินีนาถพระพันปีหลวงโปรดให้สร้างพระราชทานเป็นเรือนหอ

                      และมีการเลี้ยงพระราชทานที่พระที่นั่ง วโรภาษพิมาน พระราชวังบางปะอิน เมื่อวันที่ 26
                      สิงหาคม พ.ศ. 2461 (ค.ศ. 1918) ซึ่งนับเป็นการอภิเษกสมรสครั้งแรกในประวัติศาสตร์หลังจาก

                      การตรากฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการเสกสมรสแห่งเจ้านายในพระราชวงศ์ และยังเป็นการแต่งงาน
                      ที่มีการถามความสมัครใจของคู่บ่าวสาวด้วย


                                                                                                                         เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย
   375   376   377   378   379   380   381   382   383   384   385