Page 381 - kpi15476
P. 381

3 0     การประชุมวิชาการ
                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15

                  2.6. การประกาศเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่งของสยาม ในสมัยรัชกาลที่ 6


                       แม้ในแรกเริ่มที่มีสงครามโลกเกิดขึ้นในยุโรปนั้น พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 จะทรงประกาศ

                  ประเทศเป็นกลาง แต่ก็ทรงเตรียมความพร้อมทางทหารโดยทรงซื้อเรือรบใหม่ มีการรณรงค์
                  หาเงินบริจาคมาช่วยกันซื้อเรือรบดังกล่าวและทรงแสดงความคิดเห็นทางหนังสือพิมพ์เป็นบทความ
                  ใช้พระนามแฝงเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมสำหรับการสงครามและการสนับสนุนฝ่ายพันธมิตร

                  เพราะทรงเห็นว่าฝ่ายมหาอำนาจกลาง คือเยอรมนี และออสเตรีย -ฮังการีเป็นฝ่ายก่อสงคราม
                  รุกรานก่อนในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจะยุติลงนั้น พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงไตร่ตรอง

                  ติดตามความคืบหน้าตลอดเวลา และทรงวางแผนอยู่นานก่อนตัดสินพระทัยประกาศสงครามกับ
                  ฝายมหาอำนาจกลางโดยเข้าข้างฝ่ายพันธมิตร เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917)
                  ในขณะนั้นในประเทศสยามมีบริษัทห้างร้านของเยอรมัน เรือสินค้าเยอรมัน และวิศวกรชาว

                  เยอรมันทำงานในโครงการต่างๆ อยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีคนไทย
                  ที่สำเร็จการศึกษามาจากเยอรมัน และที่ทำงานสนับสนุนการค้าเยอรมันและอยู่ในคณะการสร้าง

                  ทางรถไฟที่จ้างเยอรมันเป็นวิศวกรโครงการอีกมากมาย การประกาศสงครามกับเยอรมันจึงต้อง
                  เตรียมแผนอย่างดีที่สุดและเป็นความลับอย่างดีที่สุด ในเหตุการณ์นี้แม้ไม่มีรายละเอียดว่าสมเด็จ
                  เจ้าฟ้าประชาธิปกได้ทรงมีบทบาทสำคัญอย่างไร แต่แน่นอนว่าน่าจะคงทรงร่วมติดตามการ

                  วางแผนงานอยู่ด้วยในระดับที่พอสมควร


                       ในการนี้ มีการประกาศเรียกพลทหารอาสา สำหรับกองบินและกองยานยนต์ทหารบก
                  เพื่อส่งไปช่วยสงครามในยุโรป การส่งทหารไปรบครั้งนี้เมื่อเสร็จสงครามแล้วและสัมพันธมิตรเป็น
                  ฝ่ายชนะ ทหารไทยก็ได้ร่วมสวนสนามฉลองชัยชนะที่ปารีสในฐานะประเทศชนะสงครามด้วย

                  และประเทศไทยยังได้ส่งผู้แทนเข้าประชุมสันติภาพ ณ พระราชวังแวร์ซายและได้มีโอกาสขอ
                  เจรจาแก้ไขสัญญาต่างๆ ที่ไทยทำกับประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศสและชาติอื่นๆ อย่างไม่เป็นธรรม

                  ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 แต่การเจรจาดังกล่าวยืดเยื้อยาวนานเป็นสิบปีต่อมา ประสบความยาก
                  ลำบากอย่างมากเพราะประเทศคู่สัญญาพยายามยึดมั่นในผลประโยชน์ของตน อาศัยที่ไทยได้ว่า
                  จ้าง ดร. ฟรานซิส บี แซร์ (Dr. Francis B. Sayre) ชาวอเมริกาซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษา

                  ต่างประเทศ จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยากัลยาณไมตรี กับที่ปรึกษาอเมริกันอีก
                  คนหนึ่งร่วมกับคณะทูตไทยในยุโรปซึ่งได้ติดตามเจรจาอย่างยาวนานในที่สุด ประเทศต่างๆ

                  13 ประเทศรวมทั้ง อังกฤษ และ ฝรั่งเศส ตกลงยอมแก้ไขสัญญา โดยมี เงื่อนไขบางประการ

                    2.7. ปารีสหลังสงครามสงบ



                       สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสุโขทัยธรรมาธิราช ทรงมีพระสุขภาพไม่สมบูรณ์หลายด้านมาแต่
        เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย   ด้วย และแนะนำสถานที่ที่มีอากาศเย็น พระองค์จึงเสด็จพร้อมพระราชชายาไปรักษาพระองค์ที่
                  ทรงพระเยาว์ แม้จะทรงพยายามเล่นกีฬาชนิดต่างๆ เป็นประจำ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
                  นั้นทรงพระประชวรเรื้อรัง แพทย์หลวงได้แนะนำนายแพทย์ที่ฝรั่งเศสที่ควรจะทรงรักษาพระองค์



                  ปารีสในปี พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920) ครั้นทรงหายจากอาการประชวรแล้ว ทรงขอพระบรมราชา

                  นุญาตเข้าศึกษาวิชาการในโรงเรียนนายทหารฝ่ายเสนาธิการฝรั่งเศส ณ กรุงปารีส และโปรดให้
                  พระชายาทรงศึกษาภาษาฝรั่งเศสและวิชาอื่นๆ ด้วย
   376   377   378   379   380   381   382   383   384   385   386