Page 385 - kpi15476
P. 385
3 4 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15
ซึ่งหลายฝ่ายก็มองว่าทรงอ่อนแอไม่ใช้อำนาจเด็ดขาด สำหรับประชาชนผู้จะมีส่วนได้
ส่วนเสียโดยตรงจากนโยบายของประเทศนั้น ทรงเน้นว่าจะต้องจัดการศึกษาพื้นฐาน
เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจการเปลี่ยนแปลง และเมื่อเกิดมีการปกครองแบบ
ประชาธิปไตยขึ้นจริง ประชาชนจะได้มีความรู้เท่าทันสามารถออกไปใช้สิทธิออกเสียงได้
อย่างมีข้อมูล ไม่ตกเป็นเหยื่อของความเข้าใจผิดหรือความใฝ่ฝันที่โฆษณาเกินความเป็น
จริงได้
ในเรื่องการศึกษาหาความรู้ตลอดชีวิตนั้น ทรงทำพระองค์เองเป็นตัวอย่าง โดยทรงอ่าน
หนังสือต่างๆ ทุกชนิดจำนวนมาก รับฟังวิทยุเป็นประจำ และเสด็จทอดพระเนตรภาพ
ยนตร์ใหม่ๆ ทั้งที่โรงและในวังของพระองค์เอง เสด็จไปฟังการบรรยายของนักปราชญ์
ไทยและนักปราชญ์ต่างประเทศที่สยามสมาคม และเสด็จออกไปเยี่ยมเยียนพบปะ
ข้าราชการและประชาชนในหัวเมืองภาคเหนือและภาคใต้ ทั้งเตรียมการที่จะเสด็จภาค
อีสานด้วย นอกจากนี้ยังได้เสด็จเยี่ยมเยียนประเทศที่ปัจจุบันนี้กำลังจะเป็น “ประชาคม
อาเซียน” ซึ่งในขณะนั้นอยู่ในความปกครองของตะวันตก เมื่อเสด็จไปผ่าตัดพระเนตร
ครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกา และครั้งที่สองที่อังกฤษ ก็ได้ทรงถือโอกาสเชื่อมโยง
สัมพันธไมตรี พบปะบุคคลสำคัญ และศึกษาดูงานด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ในระหว่างที่
เดินทางก็ทรงติดตามการบิหารประเทศทางวิทยุโทรเลขประจำ และทรงเขียนบันทึก
ซักถามความเห็นและโต้แย้งด้วยเหตุผลกับที่ปรึกษาของพระองค์ในเรื่องต่างๆ เป็น
ระยะๆ
3.1.2. ทรงสร้างระบบและวัฒนธรรมของการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของรัฐบาล
(Collective participative decision making) โดยพระมหากษัตริย์ยังคงเป็นผู้ทรง
ตัดสินใจและรับผิดชอบต่อผลของการตัดสินใจนั้น แต่ให้มีองค์คณะบุคคลมาแสดง
ความคิดเห็น ถกเถียง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยกัน แทนที่จะให้ทุกๆ เรื่องถูก
นำเสนอขึ้นไปเป็นแท่งปีรามิด ไปยังผู้มีอำนาจสูงสุด คือ พระมหากษัตริย์เป็นผู้ทรง
ตัดสินใจแต่พระองค์เดียว ซึ่งทรงเห็นว่ามีข้อจำกัดอยู่มากตามระบอบสมบูรณาญาสิทธิ
ราชในยุคที่สถานการณ์ประเทศมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ในการประชุมสภาที่ปรึกษา
ด้านต่างๆ ในประเทศก็โปรดให้ฝ่ายต่างๆ แสดงความคิดเห็นในที่ประชุมสภาที่ปรึกษา
อย่างเอาใจใส่ก่อนที่จะทรงตัดสินใจในนโยบายสำคัญๆ เป็นต้น ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด
ของการสร้างระบบการตัดสินใจร่วมกัน คือโปรดให้ตั้งองค์กรที่ทรงเรียกว่า “สภา” ขึ้น
5 คณะคือ
ก) สภาที่ปรึกษาราชการสูงสุด เรียกว่า “อภิรัฐมนตรีสภา” ซึ่งทรงตั้งขึ้นเพียง 3 วัน
เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย “A bad King” ใช้อำนาจในทางที่มิชอบ สภานี้ประกอบด้วยพระบรมวงศานุวงศ์
หลังขึ้นครองราชย์ และทรงอธิบายในที่ประชุมภายหลังว่า ตั้งขึ้นเพื่อป้องกันมิให้
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ที่ได้เคยปฏิบัติบริหารราชการในกระทรวงต่างๆ มาแล้ว
อย่างมีผลดี และเป็นผู้ที่ทรงเชื่อว่าไม่แสวงหาประโยชน์ ได้แก่ สมเด็จฯ เจ้ากรม
พระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต สมเด็จฯ