Page 390 - kpi15476
P. 390
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15 3 9
เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเงินต้องขายทรัพย์สินในต่างประเทศ
ในเดือนเมษายน 1925 วินสตัน เชอร์ชิลนายกรัฐมนตรีของอังกฤษทำตามคำแนะนำ
ของธนาคารแห่งอังกฤษ คือ ปรับค่าเงินปอนด์เสตอรลิงกับระบบ มาตรฐานทองคํา
(Gold Standard) ซึ่งเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนก่อนสงคราม ทำให้การส่งออกสินค้าของ
อังกฤษมีราคาสูงขึ้น
สำหรับประเทศไทยในช่วงปี 1930-1932 นั้น มีทั้งวิกฤติการค้าและวิกฤติการเงิน
กระทรวงการคลังได้จ้างที่ปรึกษาใหม่เป็นคนอังกฤษที่ศึกษามาจากฝรั่งเศส ชื่อนาย
Hall Patch เขาใช้เวลาศึกษาระบบงบประมาณของไทยอยู่นานก่อนจะเสนอนโยบาย
และมาตรการทางเศรษฐกิจซึ่งที่ประชุมอภิรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีไม่เห็นด้วย
เพราะเป็นการตัดงบประมาณครั้งใหญ่อีก ต้องมีการลดอัตราเงินเดือนลงอีก และยังมี
มาตรการทางภาษี ที่มีปัญหาถกเถียงกันมากก็คือเรื่องที่เงินตราของสยามไปเกาะติดกับ
มาตรฐานทองคำ (Gold standard) ทั้งๆ ที่อังกฤษเคยทำก่อนแต่ต่อมาได้ยกเลิกไป
แล้ว และเรื่องการเสนอลดค่าเงินบาทสยาม เป็นต้น การโต้แย้งในสภาอภิรัฐมนตรีต่อ
พระพักตร์ ยาวนานและรุนแรงทำให้ข่าวแพร่ออกไปถึงหนังสือพิมพ์แลข้าราชการรวม
ทั้งพ่อค้าประชาชน ทั้งๆ ที่ได้ทรงริเริ่มกำชับให้มีระบบเอกสารตอกตรา “ลับ” และ
“ลับมาก”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ได้ทรงนั่งฟังการโต้แย้งของทุกฝ่าย และแม้
เมื่อเสด็จไปผ่าตัดพระเนตรที่สหรัฐอเมริกาก็ทรงติดตามจากโทรเลขอย่างใกล้ชิด เมื่อ
ผู้รักษาพระนครแทนพระองค์ตัดสินใจตามมติที่ประชุมสภาการคลังและมีโทรเลขให้ทรง
เห็นชอบ ทรงเห็นชอบทันที แต่ก็ยังทรงถูกมองว่าไม่ทรงใช้อำนาจเด็ดขาดตัดสิน
พระทัย ในบางเรื่องฝ่ายที่ต้องรับผลกระทบก็ไม่พอใจและมีปฏิกิริยาโต้ตอบรุนแรง เช่น
กรณีที่สภาการคลังมีมติปรับลดงบประมาณที่กระทรวงกลาโหมเสนอขอเพิ่มเงินเดือน
นายทหารจำนวนหนึ่ง เมื่อไม่ได้รับการสนับสนุน จนถึงกับขัดแย้งกับกระทรวงการคลัง
ในที่ประชุม และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้ามีโทรเลขมาทรงเห็นด้วยตามที่กระทรวง
การคลังเสนอ พระองค์เจ้าบวรเดช รัฐมนตรีกลาโหมซึ่งไม่ได้ชี้แจงเหตุผลกราบทูลทาง
โทรเลขในขณะนั้นก็ทรงลาออก เป็นต้น
นอกจากนี้ เมื่อได้ทรงตัดสินพระทัยในแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจรอบสองด้วยวิธีต่างๆ
ที่มีความยุ่งยากซับซ้อนแล้ว ก็ยังทรงประสงค์จะอธิบายให้พระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหมดที่เข้าถวาย
พระพรในวันฉัตรมงคลในปีนั้นให้รับทราบปัญหาและแนวทางแก้ปัญหานั้นอย่างละเอียดและ
เปิดเผย นอกจากนี้ในการประชุมนายทหารทุกเหล่าทัพในปีเดียวกันก็ได้ทรงมีพระราชดำรัส
ในทำนองเดียวกันเพื่อให้นายทหารได้รับทราบปัญหาด้วย เนื่องจากมีการปรับลดงบประมาณของ
กระทรวงกลาโหมลงมากที่สุด โดยทรงยอมรับว่าไม่ทรงสันทัดในด้านเศรษฐกิจ จึงต้องทรงรับฟัง
เหตุผลของผู้เชี่ยวชาญที่ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตนเองและถกเถียงกันยาวนาน ทำให้การ
แก้ปัญหาล่าช้า แต่พระองค์ก็ทรงตัดสินตามที่ทรงเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมในระยะยาว เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย
ซึ่งพระบรมราชดำรัสที่ปราศรัยในที่ประชุมในระดับดังกล่าวก็ยังมีการนำไปลงตีพิมพ์ใน