Page 387 - kpi15476
P. 387

3       การประชุมวิชาการ
                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15


                           พออ่านออกเขียนได้ แล้วเลิกอ่านหลังจบจากโรงเรียน ไม่ช้าก็จะลืมการอ่านหนังสือ
                           ฉะนั้นหนังสือพิมพ์จึงนับว่ามีประโยชน์มากในแง่นี้ด้วย


                           ในสมัยรัชกาลที่ 7 โดยเฉพาะก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 หรือ ค.ศ.
                           1932 นั้น มีจำนวนหนังสือพิมพ์เกิดเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ คือ มีหนังสือพิมพ์เกิด

                           ใหม่ถึง 136 ฉบับที่ออกไม่เป็นประจำทุกวัน ส่วนหนังสือพิมพ์รายวันมีมากถึง
                           56 ฉบับ ในจำนวนนั้นเอกชนหรือบุคคลเป็นเจ้าของมีถึง 38 ฉบับ ส่วนใหญ่ตีพิมพ์ใน

                           กรุงเทพฯ แต่ก็มีทั้งหนังสือพิมพ์ภาษาไทย ภาษาอังกฤษและภาษาจีนและยังมีความ
                           พยายามที่จะออกหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นด้วย เช่น หนังสือพิมพ์ศรีเชียงใหม่ ออกทุก
                           10 วันในปี 1927 ปีเดียว เป็นต้น หนังสือเหล่านี้ มีจำนวนหนึ่งที่ออกมามีอายุสั้นๆ

                           มีอยู่เพียงประมาณ 20 ฉบับเท่านั้นที่เปิดต่อในระยะยาวถึง 5 ปี และมี 4 ฉบับ
                           เท่านั้นที่อยู่รอดต่อมายาวนานถึง 27 ปี คือ หลังรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า

                           และหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองไปแล้ว. ซึ่งรัฐบาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้ามิได้
                           เข้าไปควบคุมหนังสือพิมพ์เหล่านี้โดยตรงเลย เพียงแต่ถ้าหากมีการตีพิมพ์ข้อความที่
                           จาบจ้วงบุคคลเป็นส่วนตัว ก็โปรดให้กระทรวงมหาดไทยตักเตือน


                           กงสุลอเมริกันในไทยในช่วงนั้นบันทึกเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ไทยที่เกิดใหม่จำนวนมากว่า

                           “เป็นหนังสือพิมพ์ที่มีอิทธิพลน้อย มีความรับผิดชอบน้อย คนอ่านไม่มาก อาจเรียกได้
                           ว่า “หนังสือพิมพ์ดอกเห็ด” นอกจากนี้ นักประวัติศาสตร์ต่างชาติที่ศึกษาเหตุการณ์ใน
                           รัชกาลที่ 7 เช่น David Wyatt และ Benjamin Batson มีความเห็นว่า รัชกาลที่ 7

                           ทรงให้เสรีภาพแก่หนังสือพิมพ์มากกว่าในยุคสมัยต่อมา ซึ่งเป็นช่วงที่เปลี่ยนแปลงเป็น
                           ประชาธิปไตยแล้วเสียอีก


                           ในบรรดาหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ 3 ฉบับ ที่ออกมาในช่วงนั้น คือ Bangkok Times
                           ซึ่งดูจะมีอิทธิพลมาในยุคนั้น Bangkok Daily Mail และ Siam Observer ส่วน

                           หนังสือพิมพ์ภาษาไทยที่มีคนอ่านมากและมีอิทธิพลสูงได้แก่ ศรีกรุง


                           พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่นั้นทรงเป็นนักอ่าน มีผู้บันทึกไว้ว่าทรง “อ่านหนังสือ
                           ตั้งแต่ทรงลืมพระเนตรตื่นบรรทม จนถึงเข้าบรรทมเลย” แม้พระเนตรจะมีปัญหามา

                           ตลอดก็ตาม และในบางช่วงทรงมองเห็นได้เลือนลางมาก การที่ทรงอนุญาตให้มี
                           หนังสือพิมพ์จำนวนมากมาย ในภาษาต่างๆ แม้บางครั้งการแสดงความคิดเห็นจะจาบ
                           จ้วงไม่สร้างสรรค์ แต่ก็ทรงอนุญาตให้เป็นเวทีแสดงความคิดเห็นของบุคคลในที่

                           สาธารณะ โดยไม่มีการปิดกั้น หรือสั่งปิดหนังสือพิมพ์ หรือเซ็นเซอร์ในยุคสมัยของ
        เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย   ต่อการศึกษาตามอัธยาศัย กระตุ้นให้มีการขบคิดอภิปรายประเด็นปัญหาต่างๆ ของ
                           พระองค์ บ่งชี้ให้เห็นว่า ทรงเปิดให้บุคคลกลุ่มต่างๆ ในสังคมไทย ทั้งชาวไทยและ

                           ชาวต่างชาติ มีเวทีแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายในสังคม ซึ่งทรงเห็นว่าเป็นผลดี


                           บ้านเมือง และสื่อสารข้อมูลข่าวสารต่างๆ ซึ่งผลดีต่อพระองค์เอง คือ สามารถติดตาม

                           ความคิดเห็นที่แสดงออกหลากหลายของคนกลุ่มต่างๆ ได้ด้วย
   382   383   384   385   386   387   388   389   390   391   392