Page 435 - kpi15476
P. 435
434 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15
การสืบสานและวางรากฐานทางศิลปวิทยาการในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ปรากฏอย่างชัดเจนโดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตั้งราชบัณฑิตยสภาขึ้นในปี พ.ศ. 2469
เพื่อส่งเสริมการศึกษาความรู้ด้านต่างๆ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิจิตรศิลป์ วรรณคดี และ
โบราณคดี และโปรดเกล้าฯให้สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงดำรงตำแหน่งนายกสภา
เป็นพระองค์แรก และสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงดำรงตำแหน่งอุปนายก
ราชบัณฑิตยสภา เพื่อจัดการหอพระสมุดสำหรับพระนคร และตรวจสอบพิจารณาวิชาอักษรศาสตร์
เพื่อจัดการพิพิธภัณฑสถาน สงวนรักษาโบราณวัตถุสถาน และเพื่อจัดการบำรุงรักษาวิชาช่าง
ผลงานของราชบัณฑิตยสภาเป็นผลดีต่อการอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก
เช่น ดำเนินการค้นคว้า สำรวจ ขุดค้น บูรณะและขึ้นทะเบียนโบราณสถาน อันเป็นบทบาท
เริ่มแรกที่พัฒนาขึ้นมาเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมศิลปากรในปัจจุบัน การสอบค้นเอกสารโบราณ
การตีพิมพ์เผยแพร่ รวมทั้งริเริ่มส่งเสริมให้มีการประกวดเรียบเรียงบทประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและ
ร้อยกรอง เช่น มีการประกวดแต่งเรียงความ หนังสือสอนพุทธศาสนาสำหรับเด็กเพื่อแจกในวัน
วิสาขบูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อเสด็จฯ
เปิดพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร และเปิดหอพระสมุดวชิรญาณ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ.
2469 สะท้อนให้เห็นถึงการตระหนักต่อความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมของชาติไทยในขณะนั้นว่า
“ข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเปิดพิพิธภัณฑสถานแลหอพระสมุดวชิรญาณ
ที่ได้จัดขึ้นใหม่ในวันนี้ เพราะเป็นอันว่าได้เห็นกิจการส่วนหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าได้มอบให้
ราชบัณฑิตยสภาจัดการนั้น สำเร็จผลสมความประสงค์... พิพิธภัณฑ์นี้เป็นของที่มีค่าควรดู
ควรชม...เป็นทางบำรุงปัญญา ความรู้ของมหาชน และจะได้เป็นสง่าแก่พระนครและเป็น
สาธารณประโยชน์ ตลอดจนชนต่างชาติก็จะได้ชมศิลปวัตถุของชาติไทยเป็นหนทาง
ประกาศเกียรติยศแลอารยธรรมของประเทศสยาม...” 10
ความเคลื่อนไหวที่สำคัญทางด้านศิลปวิทยาการในสมัยรัชกาลที่ 7 คือ การตรา “พระราช
บัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม พุทธศักราช 2474” อันเป็นกฎหมายว่าด้วยการ
คุ้มครองลิขสิทธิ์ในวรรณกรรมและศิลปกรรมฉบับแรกที่มีขอบเขตกว้างขวางและสมบูรณ์ การที่
รัฐบาลในสมัยนั้นพิจารณาสมัครเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองวรรณกรรมและ
ศิลปกรรมระหว่างประเทศ คือ อนุสัญญากรุงเบอร์นในอีก 1 เดือนต่อมานั้น นอกจากเพื่อให้
คนไทยได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ผลงานด้านวรรณกรรมและศิลปกรรมจากประเทศที่เป็นภาคี
อนุสัญญาฯ ดังกล่าวด้วยกันแล้วยังน่าจะเป็นการแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยมีวัฒนธรรมทาง
จิตใจสูง และมีความเจริญก้าวหน้าสมสมัย เช่นเดียวกับนานาอารยประเทศ
หลักฐานในพระราชนิพนธ์คำนำหนังสือเรื่องการเปลี่ยนแปลงแก้ไขการปกครองแผ่นดินของ
เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย แล้ว เมื่อ พ.ศ. 2470 ได้เตือนให้ชาวไทยตระหนักว่า สิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นควรมีการเปลี่ยนแปลง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งรัชกาลที่ 7 โปรดให้พิมพ์ขึ้นเมื่อได้เสวยราชสมบัติ
บรรเจิด อินทุจันทร์ยง (บรรณาธิการ) ประมวลพระราชบรมราโชวาทและพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จ
10
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง “พระราชดำรัสในการเสด็จฯเปิดพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร และเปิดหอพระสมุด
วชิรญาณ” ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2469.กรุงเทพฯ : วัชรินทร์การพิมพ์, 2536 : 43.